ตลาดคริปโตและเทคโนโลยี AI กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เป็นตลาดที่เหมาะอย่างยิ่งในการลงทุนเพื่อทำกำไร โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีโปรเจกต์คริปโตจำนวนมากที่ได้รวม AI เข้ากับแพลตฟอร์มของตนเพื่อการใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ได้ดีและง่ายยิ่งขึ้น
คู่มือของเราคัดมาแล้วว่าเหรียญ AI มีอะไรบ้างที่น่าซื้อ พร้อมรีวิวเหรียญ AI ที่ดีที่สุดที่กำลังได้รับความนิยมมากที่สุดในแวดวงที่กำลังเติบโตแบบนี้ พร้อมให้คำแนะนำอย่างละเอียดว่าทำไมนักลงทุนถึงต้องซื้อเหรียญเหล่านี้เข้าพอร์ตของตนเอง
11 เหรียญ AI น่าซื้อในปี 2024
- WienerAI – เหรียญคริปโต Pre-sale พร้อมเทคโนโลยี AI
- eTukTuk – เหรียญคริปโตแห่งความยั่งยืนที่กำลังสร้างสถานีชาร์จรถ EV พร้อมผลตอบแทน 88% ต่อปี
- The Graph – แพลตฟอร์มคริปโตที่ใช้ AI เพื่อสร้างดัชนีและการสืบค้นข้อมูลอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
- Fetch.ai – เครือข่ายคริปโตที่ใช้ AI เพื่อใช้งาน Autonomous Economic Agent
- Synthetix – โปรโตคอล DeFi แบบ AI ที่มีมูลค่าตลาดกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์
- Ocean Protocol – เหรียญคริปโตที่ใช้ AI เพื่ออำนวยความสะดวกในการแบ่งปันและสร้างรายได้จากข้อมูล
- SingularityNET – เครือข่ายกระจายอำนาจที่เปิดโอกาสให้ผู้พัฒนาสามารถแชร์อัลกอริทึม AI
- Numeraire – แพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อบริการและใช้งาน AI ในการวิจัยและพัฒนา
- Cortex – เหรียญคริปโตที่แก้ปัญหาการเขียนสัญญาอัจฉริยะด้วย AI พร้อมมูลค่าตลาด 134 ล้านดอลลาร์
- Oasis Network – เหรียญคริปโตที่ใช้เทคโนโลยี ‘Confidential Computing’ ด้วย AI เพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
- dKargo – แพลตฟอร์มโลจิสติกส์บน Blockchain ที่ใช้ AI และ Machine Learning
รีวิวเหรียญ AI ที่ดีที่สุดในปี 2024
1. WienerAI – เหรียญคริปโตมาใหม่ พร้อมเทคโนโลยี AI
หากคุณกำลังมองหาเหรียญ AI ที่มีราคาถูกที่สุดในตอนนี้ ก็ไม่ต้องมองไปไหนไกล เพราะ WienerAI ($WAI) เปิดขายพรีเซลในราคา 0.000716 ดอลลาร์ ซึ่งก็ได้ดึงดูดให้นักลงทุนผู้ช่ำชองและมือใหม่เข้ามาลงทุนได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการนำ AI มาใช้งาน
ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังเปิดขาย พรีเซลของ WienerAI ก็ระดมทุนได้มากกว่า 4.8 ล้านดอลลาร์ และปัจจุบันตั้งเป้าระดมทุนให้ได้มากกว่า 5.2 ล้านดอลลาร์
สิ่งที่ทำให้ WienerAI มีโอกาสโตในระยะยาวคือกลไก Staking ที่ให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งเปิดโอกาสให้นักลงทุนช่วงแรกสามารถรับรายได้แบบพาสซีฟจากการมีส่วนร่วมในการทำให้ระบบนิเวศมีความเสถียร ปัจจุบัน ทุกคนที่ซื้อและ Stake $WAI จะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนต่อปีถึง 2842% เป็นอย่างต่ำ
เมื่อพิจารณาถึงกระแสความนิยมที่แพร่สะพัดของพรีเซล จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ $WAI จะมีโอกาสเข้ากระดานเทรดมากมายในตอนที่เหรียญเปิดตัวในตลาดอย่างเป็นทางการ
2. eTukTuk – เหรียญคริปโต AI แห่งความยั่งยืนที่กำลังสร้างสถานีชาร์จรถ EV พร้อมรับผลตอบแทนมหาศาลจากการ Staking
eTukTuk ($TUK) แต่งตั้งให้ตัวเองเป็น ‘อนาคตแห่งการขนส่งด้วย AI ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม‘
แพลตฟอร์มคริปโตที่กำลังจะเปิดตัวนี้จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Blockchain เพื่อเปิดโอกาสให้คนขับรถตุ๊กตุ๊กที่ใช้บริการสถานีชาร์จ EV (รถไฟฟ้า) สามารถชำระเงินด้วยเหรียญคริปโตได้
eTukTuk จะมุ่งเน้นไปที่การสร้าง EVSE (อุปกรณ์จัดหายานพาหนะไฟฟ้า) ในเขตเมืองและชานเมืองของประเทศกำลังพัฒนา โดย EVSE กำลังได้รับการติดตั้งจากความช่วยเหลือของพันธมิตรในพื้นที่ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้
ผู้ถือเหรียญ $TUK สามารถเข้าถึงสถานีชาร์จของ eTukTuk และชำระเงินด้วยเหรียญคริปโตได้ โดยพันธมิตรในพื้นที่จะได้รับรางวัลเป็นคอมมิชชั่นเพิ่มเติมจากธุรกรรมแต่ละรายการด้วย นอกจากนี้ ทางแพลตฟอร์มจะเปิดตัวเกม P2E ซึ่งผู้เหรียญสามารถรับ TUK ได้เพิ่มเติม
ปัจจุบัน คุณสามารถซื้อ $TUK ได้ในราคา 0.0325 ดอลลาร์ต่อเหรียญในช่วงพรีเซลที่กำลังเปิดขายอยู่ และผู้ถือเหรียญจะได้รับรางวัลสูงถึง 88% เลยทีเดียว โปรดอ่าน eTukTuk Whitepaper และเข้าร่วมช่อง Telegramและ X เพื่อติดตามข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับพัฒนาแพลตฟอร์ม
3. The Graph – โปรโตคอลสำหรับสร้างดัชนีและสืบค้นข้อมูลจาก Blockchain
The Graph เป็นหนึ่งในเหรียญ AI ที่ดีที่สุดที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างโปรโตคอลแบบกระจายอำนาจสำหรับการทำดัชนีและสืบค้นข้อมูลจากเครือข่าย Blockchain เป้าหมายหลักของ The Graph คือการเปิดโอกาสนักพัฒนาสามารถเข้าถึงและค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ Blockchain ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องอาศัยตัวกลางจากที่อื่น
แพลตฟอร์มเหรียญน่าลงทุนดังกล่าวใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการสร้างดัชนีและเพิ่มความแม่นยำของผลการค้นหา โปรโตคอลนี้สร้างขึ้นบน Ethereum และใช้เครือข่ายโหนดแบบกระจายอำนาจเพื่อสร้างดัชนีและจัดเก็บข้อมูลเพื่อทำให้กระบวนการสร้างดัชนีง่ายยิ่งขึ้น
The Graph ยังมีเหรียญหลักอย่าง GRT ซึ่งถูกใช้เพื่อจูงใจผู้เข้าร่วมเครือข่ายให้สร้างดัชนีและสืบค้นข้อมูล โดยผู้ตรวจสอบโหนดจะได้รับเหรียญ GRT สำหรับการจัดทำดัชนีข้อมูลและการให้ข้อมูล ทำนองเดียวกัน ใครก็ตามที่ใช้ The Graph เพื่อค้นหาข้อมูลบน Blockchain จะต้องชำระเงินด้วยเหรียญ GRT ซึ่งล่าสุด แพลตฟอร์มดังกล่าวได้เปิดตัววิทยุ Subgraph ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับการสื่อสารระหว่างผู้พัฒนาและผู้จัดทำดัชนีที่ดีและยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น
ตั้งแต่ต้นปี 2023 ราคาของเหรียญ GRT ได้เพิ่มขึ้นเกือบ 200% และในขณะที่เขียนบทความ ราคาเหรียญอยู่ที่ประมาณ 0.31 ดอลลาร์
4. Fetch.ai – เครือข่ายแห่ง Autonomous Agent พร้อมบริการที่ถูกปรับให้เหมาะกับผู้ใช้มากที่สุด
Fetch.ai เป็นเครือข่ายแบบกระจายอำนาจที่ใช้ AI เพื่อใช้งาน Autonomous Economic Agent (AEA) หรือตัวแทนทางเศรษฐกิจอัตโนมัติที่สามารถทำธุรกรรมได้หลากหลาย
Autonomous Agent ของ Fetch.ai สามารถรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ และตัดสินใจได้ด้วยตนเอง ทั้งยังสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับกรณีการใช้งานและอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันได้ โดย AEA เหล่านี้ยังสามารถโต้ตอบกับตัวแทนอื่นๆ เพื่อสร้างตลาดที่มีการกระจายอำนาจสำหรับบริการ AI ได้อีกด้วย
Fetch.ai ใช้อัลกอริธึมฉันทามติที่เรียกว่า ‘Proof of Stake With Reputation’ กลไกดังกล่าวเปิดโอกาสให้ตัวแทนสามารถรับรางวัลจากการมีส่วนร่วมในเครือข่ายและลงโทษหากกระทำผิด
เครือข่ายมีกรณีการใช้งานที่เป็นไปได้มากมาย เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทาน การปรับปรุงการไหลเวียนของข้อมูลในเมืองอัจฉริยะ และการอำนวยความสะดวกด้านการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล นอกจากนี้ยังมีเหรียญคริปโตของตัวเองอย่าง FET ซึ่งใช้เป็นวิธีการแลกเปลี่ยนสำหรับบริการ AI และสำหรับการ Staking โดยผู้ให้ตรวจสอบโหนด ตอนนี้ FET มีราคาอยู่ที่ 1.78 ดอลลาร์
5. Synthetix – โปรโตคอลแบบกระจายอำนาจสำหรับซื้อขายสินทรัพย์สังเคราะห์
Synthetix เป็นโปรโตคอล DeFi ที่สร้างขึ้นบน Ethereum Blockchain ซึ่งอำนวยความสะดวกในการสร้างและการซื้อขายสินทรัพย์สังเคราะห์ พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถสร้างสินทรัพย์ในโลกจริงในรูปแบบโทเค็นได้ เช่น สกุลเงิน สินค้าโภคภัณฑ์ หรือหุ้น
ตัวโปรโตคอลใช้ระบบสัญญาอัจฉริยะเพื่อสร้างและจัดการสินทรัพย์สังเคราะห์ ซึ่งเรียกว่า ‘Synths’ ซึ่งถูกค้ำประกันโดย SNX ซึ่งเป็นเหรียญหลักของแพลตฟอร์ม สิ่งที่ทำให้ SNX เป็นหนึ่งในเหรียญ AI อันดับต้นๆ ก็คือผู้ถือสามารถ Stake เหรียญของตนเพื่อเป็นหลักประกันในการสร้างและแลกเปลี่ยน Synth ได้ แถมยังได้รับรางวัลจากค่าธรรมเนียมอีกด้วย
ด้วยวิธีนี้ Synthetix จึงสามารถมอบแพลตฟอร์มแบบกระจายอำนาจสำหรับผู้ใช้ในการเข้าถึงสินทรัพย์สังเคราะห์ที่หลากหลาย โดยไม่จำเป็นต้องมีตัวกลางหรือธนาคารแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถซื้อขายสินทรัพย์เหล่านี้ได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันและมีค่าธรรมเนียมต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดการเงินทั่วไป
ในปี 2021 มูลค่าของ Synthetix เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 26 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าราคาเปิดตัวครั้งแรกที่ 0.46 ดอลลาร์ถึง 5,000% ปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ 4.53 ดอลลาร์
6. Ocean Protocol – เหรียญคริปโต AI ที่อำนวยความสะดวกในการสร้างรายได้จากข้อมูล
Ocean Protocol เป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบกระจายอำนาจที่ใช้ AI เพื่ออำนวยความสะดวกในการแบ่งปันและสร้างรายได้จากข้อมูล โดยพื้นฐานจะทำหน้าที่เป็นตลาดที่ผู้ให้บริการสามารถแบ่งปันข้อมูลของตนกับผู้บริโภคได้อย่างปลอดภัยและกระจายอำนาจ
Ocean Protocol เปิดโอกาสให้ผู้ให้บริการสามารถสร้างรายได้จากสินทรัพย์ข้อมูลของตนโดยการกำหนดราคาและเงื่อนไขการออกใบอนุญาตของตนเอง ในขณะเดียวกันก็ยังทำให้การเข้าถึงข้อมูลเป็นไปได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถซื้อและนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ของตนเองได้ตามต้องการ
เหรียญหลักของ Ocean Protocol คือ OCEAN ซึ่งใช้เป็นเหรียญหลักสำหรับการทำธุรกรรมบนเครือข่าย ผู้ให้บริการข้อมูลสามารถใช้เพื่อกำหนดราคาสำหรับข้อมูลของตนและเพื่อให้ผู้บริโภคใช้ในการซื้อได้ เหรียญ OCEAN ยังสามารถใช้งานได้โดยผู้ตรวจสอบโหนดเพื่อให้บริการบนเครือข่ายของแพลตฟอร์มอีกด้วย
ตามเว็บไซต์ Ocean Protocol แพลตฟอร์มดังกล่าวได้ร่วมมือกับองค์กรหลายแห่งในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ พลังงาน และการเงิน เช่น Roche Diagnostics, Mercedes-Benz และ dexFreight ในขณะที่เขียน เหรียญ OCEAN สามารถซื้อได้ในราคาประมาณ 1.08 ดอลลาร์
7. SingularityNET – ตลาดสำหรับอัลกอริทึม AI และแอพพลิเคชัน
SingularityNET เป็นเครือข่าย AI แบบกระจายอำนาจที่เปิดโอกาสให้นักพัฒนาสามารถแชร์อัลกอริธึมและบริการ AI ได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นตลาดสำหรับบริการที่ข้องเกี่ยวกับ AI
เครือข่ายเหรียญ web3.0 นี้ เปิดโอกาสให้นักพัฒนา AI ได้เรียนรู้จากกันและทำงานร่วมกัน ทำให้สามารถสร้างแอพพลิเคชัน AI ขั้นสูงและซับซ้อนยิ่งขึ้นได้ AGIX ซึ่งเป็นเหรียญหลักของแพลตฟอร์มจะถูกใช้ในการแลกเปลี่ยนกับบริการ AI ตัวเหรียญยังใช้เพื่อจูงใจนักพัฒนาให้มีส่วนร่วมในอัลกอริทึมและบริการของตน ซึ่งทำให้ AGIX เป็นหนึ่งในเหรียญ AI ที่ดีที่สุดสำหรับนักพัฒนา
SingularityNET ได้สร้างพันธมิตรกับองค์กรงชั้นนำจำนวนมากในอุตสาหกรรม AI รวมถึง Hanson Robotics และ DeepBrain Chain
ราคาของเหรียญ AGIX เพิ่มขึ้นมากกว่า 43% เมื่อเร็ว ๆ นี้ ในขณะที่เขียน AGIX มีราคาอยู่ที่ 0.89 ดอลลาร์
8. Numeraire – แพลตฟอร์มคริปโตที่กำลังจัดแข่งขัน Data Science สำหรับนักพัฒนา AI
Numeraire เป็นเหรียญ AI ที่ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการวิจัยและพัฒนาปัญญาประดิษฐ์
ตัวโปรเจกต์ได้จัดการแข่งขันที่นักวิทยาศาสตร์ข้อมูลจะต้องสร้างแบบจำลองสำหรับตลาดการเงิน จากนั้นนักพัฒนาจะสามารถส่งโมเดลคาดการณ์ทางการเงินด้วย AI เพื่อควบคุมเงินทุนในกองทุนบริหารความเสี่ยงของ Numerai โดยโมเดลที่แม่นยำที่สุดจะได้รับรางวัลเป็น NMR ซึ่งเป็น Utility Token ของ Numeraire นักวิทยาศาสตร์ข้อมูลจะต้อง Staje NMR เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้
การกำกับดูแลของแพลตฟอร์มยังถูกควบคุมโดยผู้ถือเหรียญคนอื่น ซึ่งสามารถลงคะแนนเสียงในข้อเสนอและการเปลี่ยนแปลงแพลตฟอร์มได้ ซึ่งหมายความว่าเหรียญ NMR มียูทิลิตี้มากมายภายในระบบนิเวศของ Numeraire นั่นเอง
ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ ตอนนี้ Numeraire ให้รางวัลรวมมากกว่า 70 ล้านดอลลาร์ให้กับนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลเข้าไปแล้ว ส่วนมูลค่าตลาดรวมในปัจจุบันอยู่ที่มากกว่า 230 ล้านดอลลาร์
9. Cortex – โปรเจกต์ Blockchain ที่สนับสนุนการคาดการณ์ด้วย AI แบบ On-Chain
Cortex เป็นโปรเจกต์ Blockchain ที่มีเป้าหมายในการดำเนินการใช้งานอัลกอริธึม AI บนเครือข่ายแบบกระจายอำนาจ และต้องการที่จะแก้ไขหนึ่งในปัญหาสำคัญที่สุดที่เครือข่าย Blockchain กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน นั่นก็คือการใช้งาน AI แบบ On-chain
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว Cortex จึงได้พัฒนาเฟรมเวิร์กชื่อ ‘CVM’ ซึ่งเปิดโอกาสให้สามารถคาดการณ์ความสามารถของ Machine Learning บน Blockchain ของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยวิธีนี้ Cortex จึงสามารถ AI และโมเดล Machine Learning ในสัญญาอัจฉริยะและ dApp ได้ นอกจากนี้ Cortex ยังได้พัฒนาระบบนิเวศแบบเปิดที่จูงใจนักพัฒนาให้อัพโหลดโมเดล AI ของตนไปยัง Blockchain อีกด้วย
ในทางกลับกัน นักพัฒนา DApp จะสามารถเข้าถึงโมเดล AI เหล่านี้ได้โดยการชำระเงินด้วย CTXC ซึ่งเป็นเหรียญหลักของ Cortex ส่วนด้านของการเคลื่อนไหวของราคา Cortex มีราคาอยู่ที่ 0.6121 ดอลลาร์
10. Oasis Network – เครือข่าย Blockchain อเนกประสงค์ที่เน้นความเป็นส่วนตัว
Oasis Network เคลมว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ถูกสร้างให้เป็น Blockchain ยุคใหม่ โดยใช้สถาปัตยกรรมการรักษาความเป็นส่วนตัว ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถรักษาข้อมูลของตนให้เป็นส่วนตัวในขณะที่สามารถใช้แอพพลิเคชันแบบกระจายอำนาจไปพร้อมๆ กันได้
วิธีการดังกล่าวทำได้โดยใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า ‘Confidential Computing’ ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตจะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนได้
อีกจุดที่น่าสนใจของ Oasis Network ก็คือสามารถทำให้ข้อมูลกลายเป็นโทเค็นได้ ตามที่แพลตฟอร์มอธิบาย กระบวนการดังกล่าวจะสามารถปลดล็อกกรณีการใช้งานสำหรับ Blockchain ไปโดยสิ้นเชิง พร้อมขับเคลื่อนแอพพลิเคชันที่เน้นความเป็นส่วนตัวแห่งยุค
Utility Token หลักของเครือข่าย Oasis อย่าง ROSE จะถูกนำมาใช้สำหรับชำระค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม, การ Staking, และการแต่งตั้งตัวแทนบนเครือข่าย ในขณะที่เขียนบทความ เหรียญ ROSE มีการซื้อขายที่ประมาณ 0.163 ดอลลาร์ ซึ่งทำให้เป็นหนึ่งในเหรียญ AI ที่มีโอกาสทำเงินได้มากที่สุดนั่นเอง
11. dKargo – โปรโตคอล AI สำหรับกระบวนการขนส่งสากล
dKargo เป็นแพลตฟอร์มโลจิสติกส์บน Blockchain ที่ใช้ประโยชน์จาก AI และ Machine Learning เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก แพลตฟอร์มดังกล่าวมอบวิธีกระจายอำนาจ โปร่งใส และปลอดภัยในการจัดการระบบห่วงโซ่อุปทาน ลดราคา และเพิ่มประสิทธิภาพ
จากข้อมูลของ dKargo ผลิตภัณฑ์ dFull เป็นหนึ่งในบริการที่น่าเชื่อถือที่สุด โดย dFull สามารถใช้จัดเก็บและจัดการสินค้าคงคลัง คำสั่งซื้อ และการจัดส่งได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้แสดงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสินค้าอีคอมเมิร์ซ ไปจนถึงการตั้งระบบตอบกลับลูกค้าแบบอัตโนมัติได้เลยทีเดียว
เหรียญคริปโตหลักของแพลตฟอร์ม dKargo เรียกว่า DKA เป็นเหรียญ ERC-20 ที่สร้างขึ้นบน Ethereum Blockchain และใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมภายในระบบนิเวศ dKargo
เหรียญ DKA ซึ่งปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ 0.042 ดอลลาร์ สามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ รวมถึงการชำระค่าบริการการขนส่ง ทั้งยังใช้ในการมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลแพลตฟอร์ม และรับรางวัลจากการเข้าร่วมในระบบนิเวศของแพลตฟอร์มได้อีกด้วย
เหรียญเกี่ยวกับ AI ใช้ทำอะไรได้บ้าง?
เหรียญ AI ไม่ได้ถูกใช้และถูกมองภายในเครือข่าย Blockchain ให้เป็นเพียงสินทรัพย์คริปโตเท่านั้น ตามที่เห็นได้ชัดเจนจากการวิเคราะห์ของเรา การผสมผสานระหว่าง AI และเหรียญคริปโตจะสามารถช่วยทำให้เกิดโซลูชันแห่งนวัตกรรมที่จะมาแก้ปัญหาในชีวิตจริงได้
ความจริงนั้นเหรียญ AI ที่ดีที่สุดในตลาดจะสามารถใช้งานได้ในหลายๆ อุตสาหกรรม เช่น การดูแลสุขภาพ ห่วงโซ่อุปทาน บริการทางการเงิน และอื่นๆ
ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น การแข่งขันด้านเทคโนโลยี AI ได้เริ่มขึ้นแล้ว และโมเดลจำลองล่าสุดก็ได้คาดการณ์ไว้ ว่าอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์จะเติบโตจาก 2 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2023 เป็น 2 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030
ด้านล่างนี้ เราก็ได้แสดงประโยชน์ของการใช้งาน AI ในโปรเจกต์คริปโตโดยทั่วไปเอาไว้:
- อัลกอริธึมสำหรับการคาดการณ์: AI สามารถใช้พัฒนาอัลกอริธึมที่สามารถวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดและคาดการณ์ราคาเหรียญคริปโตในอนาคตได้ อัลกอริทึมที่ว่านี้อาจช่วยให้เทรดเดอร์มีข้อมูลในการตัดสินใจลงทุนได้มากขึ้น
- Machine Learning: AI สามารถใช้ในการฝึกโมเดล Machine Learning เพื่อจดจำรูปแบบได้ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยระบุถึงภัยคุกคามที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัย เพิ่มความเร็วของธุรกรรม และเพิ่มประสิทธิภาพของเครือข่ายได้
- สัญญาอัจฉริยะ: AI สามารถใช้เพื่อสร้างสัญญาอัจฉริยะที่สามารถเริ่มการเทรดหรือทำธุรกรรมอื่นๆ โดยอัตโนมัติตามเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งสามารถช่วยขจัดความจำเป็นในการใช้งานตัวกลางและลดค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมลงไป มีเหรียญ AI จำนวนมากที่ใช้สัญญาอัจฉริยะ รวมถึง Fetch.ai และ dKargo
- การวิเคราะห์ข้อมูล: AI สามารถใช้วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากบน Blockchain ได้ โปรเจกต์ต่างๆ เช่น The Graph และ Ocean Protocol กำลังสร้างระบบที่สามารถอำนวยความสะดวกในการจัดเก็บข้อมูล ไปจนถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลในแบบกระจายอำนาจด้วยการใช้งานปัญญาประดิษฐ์อีกด้วย
- การตัดสินใจ: AI สามารถใช้ในการพัฒนาระบบการตัดสินใจแบบกระจายอำนาจที่ช่วยให้สามารถจัดการเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังที่เราได้กล่าวไว้ข้างต้น Fetch.ai ได้สร้าง Autonomous Agent หรือตัวแทนอัตโนมัติโดยใช้ AI ที่สามารถจัดการด้านต่างๆ เช่น การประมวลผลข้อมูลและการเทรด
สามารถเก็บเหรียญ AI ได้อย่างไร?
ผู้ถือเหรียญควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเสมอเมื่อต้องการจัดเก็บทรัพย์สินของตน โดยขั้นตอนต่อไปนี้จะเป็นวิธีการเก็บเหรียญ AI ให้ปลอดภัย:
- การเลือก Crypto Wallet ที่เชื่อถือได้: การลงทุน Crypto Wallet ชั้นนำ ควรคำนึงถึงการเก็บเหรียญที่ปลอดภัยเป็นอย่างแรก ซึ่งก็มีตัวเลือกมากมายด้วยกัน แต่เราขอแนะนำให้ใช้ Best Wallet หรือ Zengo เพราะรองรับ Decentralized Exchange และเหรียญคริปโตมากกว่า 120 สกุล
- Crypto Wallet ทางเลือก: การมีตัวเลือกสำรองเผื่อไว้จะยิ่งดีต่อคุณมากขึ้น ดังนั้นจึงควรมี Walelt เตรียมไว้สำหรับการกู้คืน Seed Phrase และคีย์ส่วนตัวในกรณีที่ Wallet หลักสูญหายหรือถูกเจาะข้อมูล
- การเปิดใช้งาน 2FA: Aการเพิ่มการป้องกันอีกระดับ เช่น ระบบยืนยันตัวตนสองชั้นถือเป็นกุญแจสำคัญเมื่อใช้ Crypto Wallet และสินทรัพย์คริปโตเพื่อเพิ่มความปลอดภัยโดยรวม
- การอัพเดตซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ: เพราะทางผู้พัฒนาอัพเดตโปรโตคอลความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง จึงแนะนำให้ผู้ใช้อัพเดตซอฟต์แวร์ของตนให้ทันสมัยอยู่เสมอ
- การพิจารณาใช้ Cold Wallet: Hardware Wallet หรือ Cold Wallet เสนอทางเลือกให้กับผู้ถือเหรียญในระยะยาวเพื่อความปลอดภัยของเหรียญจำนวนมาก
- การเก็บเหรียญเอาไว้หลายๆ ที่: เพื่อลดความเสี่ยง ให้พิจารณาแบ่งสินทรัพย์ระหว่าง Hardware Wallet และ Software Wallet
เหตุผลที่จะลงทุนในเหรียญ AI คืออะไร?
การเติบโตแบบก้าวกระโดดของอุตสาหกรรม AI ในขณะนี้คาดว่าจะเติบโตถึงยี่สิบเท่าภายในสิบปี โดยรายงานจาก Statista คาดการณ์ว่าตลาด AI ทั่วโลกจะมีมูลค่าเกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2030 ซึ่งคงถึงเวลาแล้วที่จะมาหาคำตอบว่าควรลงทุนในเหรียญ AI หรือไม่ นอกจากนี้ ตลาด Blockchain AI ทั่วโลกคาดว่าจะมีมูลค่า 934.45 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2026 ด้วยอัตราการเติบโตต่อปีที่สูงถึง 24.9%
ดังที่ได้อธิบายไป ต่อไปนี้จะเป็นปัจจัยบางส่วนที่ควรพิจารณาเมื่อตัดสินใจว่าควรลงทุนในเหรียญ AI หรือไม่:
- การเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ก่อนใคร : การลงทุนในเหรียญ AI เปิดโอกาสให้คุณเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่และแอพพลิเคชันของเหรียญเกี่ยวกับ AI ได้ก่อนใคร
- การนำไปใช้งานจริง: เหรียญ AI กำลังได้รับการยอมรับและการใช้งานในชีวิตจริงมากขึ้น เพราะบริษัทและสถาบันต่างๆ เริ่มตระหนักถึงศักยภาพของเหรียญเหล่านี้ โดย Fetch.ai และ Ocean Protocol ได้ร่วมมือกับบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมมากมายเข้าไปแล้วและมีการใช้งานในหลายภาคส่วนด้วยกัน
- โอกาสทำเงินสูง: เหรียญ AI ที่โดดเด่นที่สุด เช่น Graph และ SingularityNET ได้แสดงให้เห็นถึงโอกาสที่จะเป็นหนึ่งในเหรียญคริปโตที่ได้รับการจัดอันดับและมีโอกาสทำเงินสูงที่สุด
บทสรุปเกี่ยวกับเหรียญ AI
เหรียญ AI ที่ดีที่สุดบางสกุลที่น่าซื้อในตอนสามารถนำเสนอโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมโดยใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยี Blockchain พร้อมนำเสนอโซลูชันแห่งนวัตกรรมที่จะเข้ามาแก้ปัญหาในโลกจริงได้ อย่างไรก็ตาม เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนที่จะต้องมีกลยุทธ์ที่เหมาะสมและมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าตนลงทุนใน