การเทรดหุ้น (เทรดหุ้น ภาษาอังกฤษ คือ trading stocks) เป็นการซื้อและขายหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อสร้างผลกำไร ในฐานะผู้ถือหุ้น โดยผลตอบแทนที่คุณจะได้รับขึ้นอยู่กับศักยภาพของบริษัทและสภาวะของตลาด
ราคาหุ้นมีความผันผวนได้ตลอดเวลา การเปลี่ยนแปลงจะเป็นไปตามกฎอุปสงค์-อุปทาน ข่าวสารต่างๆ และปัจจัยทางเศรษฐกิจอื่นๆ นักลงทุนจึงจำเป็นต้องใช้ความเชี่ยวชาญ กลยุทธ์ และเครื่องมือต่างๆ ในการวิเคราะห์ตลาด ก่อนจะตัดสินใจลงทุนในหุ้น
และแน่นอนว่าการเลือก broker หุ้น ที่เหมาะสมและเชื่อถือได้เป็นสิ่งสำคัญในการประสบความสำเร็จ เพราะโบรกเกอร์หุ้นจะมีผลต่อประสบการณ์การซื้อขายและการตัดสินใจของคุณ เช่น ค่าธรรมเนียม การใช้งานแพลตฟอร์ม เครื่องมือ และฝ่ายสนับสนุนลูกค้า เป็นต้น
โบรกเกอร์คือ?
เรามาทำความรู้จักปัจจัยสำคัญในการลงทุนหุ้นกันก่อน นั่นคือ โบรกเกอร์หุ้น ซึ่ง broker คือ
สิ่งสำคัญในการเปิดพอร์ตหุ้นและเป็นแพลตฟอร์มสำหรับเทรดหุ้น
หรือพูดง่ายๆ ก็คือ เมื่อคุณเทรด โบรกเกอร์จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างคุณและตลาดหลักทรัพย์ และเป็นบริษัทการเงินมืออาชีพ ที่ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงตลาดหุ้น แพลตฟอร์มการเทรด และทำการซื้อขายหุ้นได้ เพราะโดยทั่วไปนักลงทุนรายย่อยจะไม่สามารถเข้าถึงตลาดเหล่านี้ได้โดยตรง
โบรกเกอร์จะดำเนินการคำสั่งซื้อและขายหุ้นของคุณตามคำสั่ง โดยจะคอยตรวจสอบว่าการเทรดถูกประมวลผลอย่างถูกต้องและรวดเร็วผ่านตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงคอยจัดการบัญชีการเทรด ติดตามธุรกรรม ผลการดำเนินงานของพอร์ตการลงทุน และค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้โบรกเกอร์หลายเจ้ามีบริการให้คำแนะนำในการลงทุนหุ้น ผ่านการวิเคราะห์ตลาด ให้ข้อมูลการวิจัย และข้อเสนอแนะ ซึ่งจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้น ตามแนวโน้มตลาดและข้อมูลทางการเงินในขณะนั้น
มาดูเกณฑ์ในการเลือกโบรกเกอร์กัน
โบรกเกอร์ คือ สิ่งที่จำเป็นที่สุดอย่างหนึ่งในการเทรดหุ้น และแน่นอนว่าการเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมกับตัวเอง เป็นสิ่งสำคัญต่อประสบการณ์การเทรด รวมถึงยังมีผลต่อการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ โดยปัจจัยที่ควรคำนึงถึงในการซื้อขายหุ้น มีดังนี้
- คุณสมบัติของแพลตฟอร์ม: โบรกเกอร์ที่คุณเลือกควรเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายสำหรับคุณ เพื่อให้การเทรดเป็นไปอย่างราบรื่น รวมถึงมีคุณสมบัติต่างๆ ที่ทำให้การเทรดมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ข้อมูลทรัพยากรแบบเรียลไทม์ การสั่งซื้อที่ทำได้ง่าย ตัวเลือกการปรับแต่ง ซอฟต์แวร์วิเคราะห์กราฟ การวิเคราะห์ตลาด และข้อมูลข่าวสารอื่นๆ ที่จะช่วยให้คุณตามความเคลื่อนไหวในตลาดได้ทัน
- ประเภทบัญชีและเงินฝากขั้นต่ำ: แต่ละ broker หุ้น นำเสนอประเภทบัญชีและข้อกำหนดเงินฝากขั้นต่ำที่ต่างกัน จึงควรเลือกบัญชีที่เหมาะสมกับงบและลักษณะการเทรดของตัวเอง
- ความน่าเชื่อถือ: ควรเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานทางการเงินที่มีชื่อเสียง เพื่อให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติตามกฎหมายและแนวปฏิบัติของอุตสาหกรรม เป็นการช่วยให้คุณได้รับความคุ้มครองในการลงทุน รวมถึงช่วยปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางการเงิน
- ค่าธรรมเนียมและค่าคอมมิชชั่น: ควรมองหาโบรกเกอร์ที่ชี้แจงค่าธรรมเนียมและคอมมิชชั่นอย่างโปร่งใส เพราะการมีค่าธรรมเนียมและคอมมิชชั่นต่ำกว่า จะช่วยลดต้นทุนของการเทรดและส่งผลต่อกำไรสุทธิของคุณ โดยเฉพาะผู้ที่เทรดหุ้นบ่อยๆ
- ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า: การมีฝ่ายสนับสนุนลูกค้าที่มีประสิทธิภาพจะช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด ลดความติดขัดในการทำธุรกรรม รวมถึงทำให้เทรดเดอร์รู้สึกสบายใจขึ้น
เมื่อเข้าใจแล้วว่าโบรกเกอร์คืออะไร และควรเลือกอย่างไร ต่อไปมาดูกันว่าโบรกเกอร์ที่ดีที่สุด สำหรับมือใหม่ มีอะไรบ้าง
โบรกเกอร์ไหนดี ? แนะนำโบรกเกอร์หุ้นใช้งานง่าย มือใหม่ก็ทำได้
ปัจจุบันมีผู้ให้บริการซื้อขายหุ้นจำนวนมากในท้องตลาด และการลงทุนหุ้น เราจะต้องทำผ่านนายหน้า ซึ่งเราคัดมาให้แล้วว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้ใช้งานได้ในประเทศไทย มีความน่าเชื่อถือ มือใหม่ก็ใช้ได้
- Pepperstone: บริษัทโบรกเกอร์ออนไลน์ที่มีชื่อเสียง ขึ้นชื่อเรื่องการซื้อขายฟอเร็กซ์เป็นหลัก แต่ยังให้บริการซื้อขายสินทรัพย์ประเภทอื่นด้วย เช่น หุ้น ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ และคริปโตเคอร์เรนซี ได้รับการควบคุมดูแลจากหน่วยงานทางการเงินชื่อดังมากมาย จึงมีความน่าเชื่อถือ
- PrimeXBT: แพลตฟอร์มเทรดระดับโลกที่โด่งดังด้านคริปโตและเลเวอเรจ ใช้งานง่าย รองรับฟอเร็กซ์ ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึง CFD มีฝ่ายบริการลูกค้า
- eToro: หนึ่งใน broker หุ้นที่ดีที่สุด ใช้งานง่าย รองรับสินทรัพย์กว่า 5,000 ประเภท มีแหล่งข้อมูลเพื่อการเรียนรู้ และมีฟีเจอร์ติดตามและเลียนแบบการเทรดของผู้อื่น ใช้งานผ่านแพลตฟอร์มเดสก์ท็อปและะแอปมือถือชั้นนำ
- XTB: โบรกเกอร์ที่มีค่าคอม 0% รองรับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนมากมายในยุโรป สหราชอาณาจักร และอเมริกา ลงทุนขั้นต่ำ 10 ดอลล่าร์เท่านั้น ไม่มีเงินฝากขั้นต่ำ ใช้งานผ่านแพลตฟอร์มเว็บไซต์ ซอฟต์แวร์เดสก์ท็อป และแอปมือถือ
- Libertex: สำหรับผู้ที่ไม่ได้อยู่ในอเมริกา อีกตัวเลือกยอดนิยมของโบรกเกอร์ คือ Libertex เพราะรองรับทั้งการใช้เลเวอเรจและการขายชอร์ต ไม่มีค่าคอม มัดจำขั้นต่ำ 10 ดอลล่าร์
- Trade Nation: โบรกเกอร์นานาชาติ เชี่ยวชาญในอนุพันธ์ทางการเงิน เทรดหุ้น CFDs, สินค้าโภคภัณฑ์, ฟอเร็กซ์, พันธบัตร และดัชนี ไม่มีค่าคอมมิชชั่น จ่ายแค่สเปรดเท่านั้น และมี spread betting สำหรับนักลงทุนชาวสหราชอาณาจักร
- AvaTrade: แพลตฟอร์มที่ได้รับการยอมรับระดับโลก มีใบอนุญาตใน 9 ประเทศ รองรับ CFDs, ETFs, พันธบัตร, ดัชนี และสินค้าโภคภัณฑ์ สามารถเทรดหุ้นโดยไม่ต้องเสียค่าคอมมิชชั่น และสเปรดเริ่มต้นที่ 0.13%
- Interactive Brokers: มาพร้อมเครื่องมือวิเคราะห์จัดเต็ม เป็นโบรกเกอร์ยอดฮิตของลูกค้าชาวอเมริกัน ค่าคอม 0% สำหรับผู้ที่เทรดหุ้นของสหรัฐ รองรับการซื้อเศษส่วนหุ้น (fractional shares) เริ่มต้นเพียง 1 ดอลล่าร์ สำหรับผู้ที่ไม่ได้อยู่ในอเมริกาจะมีราคาต่างออกไป
- Fidelity: โบรกเกอร์ออนไลน์ชั้นนำ ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องมือช่วยเทรด เช่น ข่าวสารหรือข้อมูลเชิงลึกของตลาดหุ้น รองรับทั้งหุ้น, กองทุน, หลักทรัพย์ที่มีรายได้คงที่, ETFs, คริปโต, ออปชั่น และฟิวเจอร์ส
- Skilling: โบรกเกอร์หุ้น CFD ค่าคอม 0% รวมหุ้นสหรัฐ สหราชอาณาจักร และยุโรป รองรับสินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนี ฟอเร็กซ์ มีแพลตฟอร์มการเทรดของตัวเองที่ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่หัดเทรด รองรับ MT4 และ cTrader
รีวิวโบรกเกอร์หุ้นออนไลน์ เว็บเทรดหุ้น
ปัจจุบันนี้มีโบรกเกอร์หรือเว็บเทรดหุ้นให้บริการจำนวนมาก แต่ละเจ้าก็มีลักษณะและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังนั้นเราจะมาดูกันว่า โบรกเกอร์ไหนดี แต่ละตัวมีจุดเด่นอย่างไร เพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจของคุณ ซึ่งเราคัดมาให้แล้วดังนี้
1. Pepperstone – โบรกเกอร์ออนไลน์ที่ดัง ขึ้นชื่อเรื่องฟอเร็กซ์ ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง มีความน่าเชื่อถือ
Pepperstone เป็นโบรกเกอร์ Forex ชั้นนำจากออสเตรเลีย ที่ได้รับการควบคุมจากสถาบันการเงินชั้นนำหลายแห่ง เช่น ASIC ในออสเตรเลีย, FCA ในสหราชอาณาจักร, (CMA) ในเคนยา, DFSA ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นต้น
รองรับแพลตฟอร์มการซื้อขายอย่าง cTrader, MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) มีบัญชีทั้งแบบบัญชี standard (ไม่มีค่าคอมมิชชัน มีแต่ค่าสเปรด), บัญชี Razor (มีค่าคอมมิชชันประมาณ $3.50 ต่อ side ต่อการซื้อขาย 100,000 หน่วย แต่จ่ายสเปรดน้อยกว่า) และ บัญชีปลอด Swap (สำหรับผู้ที่ไม่สามารถใช้บัญชีสวอปได้เนื่องจากเหตุผลทางศาสนาบางประการ)
Pepperstone ให้บริการทั้งหุ้นกว่า 1,000 ตัว, ฟอเร็กซ์กว่า 60, ดัชนี 14, สินค้าโภคภัณฑ์กว่า 10 รวมถึงคริปโตกว่า 30 สกุล โดยให้เลเวอเรจต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค เช่น สูงสุด 1:30 สำหรับลูกค้ารายย่อยในยุโรปและสหราชอาณาจักร และสูงสุดถึง 1:500 สำหรับลูกค้าในออสเตรเลียและภูมิภาคอื่นๆ
ที่น่าสนใจคือมีทรัพยากรเพื่อการเรียนรู้อย่าง การจัดสัมมนาออนไลน์, คู่มือการซื้อขาย และการวิเคราะห์ตลาด เช่น ข่าวสารตลาด, การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเทรด เป็นต้น ทั้งยังมีฝ่ายบริการลูกค้าที่ให้บริการ 5 วันต่อสัปดาห์ แต่เวลาทำการอาจจะแตกต่างกันไป
สำหรับวิธีการฝาก-ถอนเงิน สามารถทำได้โดยการโอนเงินผ่านธนาคาร, บัตรเครดิต/เดบิต และระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ เช่น PayPal และ Skrill โดยปกติจะใช้เวลาดำเนินการตั้งแต่ทันที ไปจนถึงไม่กี่วันทำการ
ตลาดที่รองรับ | ระบบราคา | ค่าธรรมเนียมหุ้น Amazon | เงินฝากขั้นต่ำ | ฟีเจอร์ที่โดดเด่น |
หุ้น
สินค้าโภคภัณฑ์ ฟอเร็กซ์ ดัชนี คริปโต |
บัญชี standard ไม่มีค่าคอมฯ
บัญชี Razor มีค่าคอมฯ เล็กน้อย |
ไม่มีค่าคอมฯ | ประมาณ $200 ขึ้นอยู่กับประเภทบัญชีและภูมิภาค | แพลตฟอร์มทันสมัย
แหล่งข้อมูลเพื่อการศึกษา สเปรดต่ำ ความเร็วสูง |
ข้อดี
- แพลตฟอร์มทันสมัย เหมาะทั้งมือใหม่และผู้ที่เชี่ยวชาญ
- มีแหล่งข้อมูลเพื่อการศึกษา
- สเปรดต่ำ
- ได้รับการควบคุมดูแลโดยหน่วยงานชื่อดัง
- ความเร็วสูง
ข้อเสีย
- ไม่รองรับลูกค้าอเมริกัน
- บัญชี Razor มีค่าคอมฯ
2. PrimeXBT – แพลตฟอร์มเทรดระดับโลก โด่งดังด้านคริปโตและเลเวอเรจ ใช้งานง่าย มีฝ่ายบริการลูกค้า
PrimeXBT เป็นโบรกเกอร์จากประเทศ Seychelles ที่ขึ้นชื่อเรื่องคริปโตเคอร์เรนซี รองรับสกุลดังๆ มากมาย เช่น Bitcoin, Ethereum, Litecoin เป็นต้น แต่ก็ยังเปิดให้เทรดสินทรัพย์อื่นๆ ด้วย ทั้ง สินค้าโภคภัณฑ์, ฟอเร็กซ์, ดัชนี เช่น S&P 500 และ NASDAQ รวมถึงเทรดดัชนีหุ้นผ่าน CFDs เข้าถึงภูมิภาคต่างๆ อย่างสหรัฐ แคนาดา ยุโรป เอเชีย และออสเตรเลีย
PrimeXBT ให้เลเวอเรจสูงถึง 1:100 สำหรับคริปโต และ 1:1000 สำหรับฟอเร็กซ์ ทั้งยังรองรับ margin trading มีแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายทั้งบนเว็บไซต์และแอปมือถือ มาพร้อมเครื่องมือวิเคราะห์และแผนภูมิต่างๆ รวมถึงแหล่งข้อมูลเพื่อการศึกษา ทั้งยังมีมาตรการความปลอดภัยอย่าง 2FA และ Cold Storage
มีทั้งบัญชีแบบมาตรฐานธรรมดาที่เหมาะสำหรับการเทรดทั่วไป และบัญชี VIP ที่ให้คุณได้เข้าถึงฟีเจอร์และสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมสำหรับการเทรดปริมาณมาก
สำหรับการเทรด Bitcoin และคริปโต จะมีค่าธรรมเนียมเล็กน้อย อยู่ราวๆ 0.05% – 0.075% แต่สำหรับสินทรัพย์อื่นๆ ค่าคอมมิชชันจะถูกรวมอยู่ในสเปรดแล้ว
ตลาดที่รองรับ | ระบบราคา | ค่าธรรมเนียมหุ้น Amazon | เงินฝากขั้นต่ำ | ฟีเจอร์ที่โดดเด่น |
คริปโต
สินค้าโภคภัณฑ์ ฟอเร็กซ์ ดัชนี |
ค่าสเปรด
ค่าคอมเล็กน้อยสำหรับการเทรดคริปโต |
– | 0.001 BTC | เลเวอเรจสูง
ใช้งานง่าย เครื่องมือทันสมัย แอปมือถือทั้ง iOS และ Android 2FA และ Cold Storage แหล่งข้อมูลเพื่อการเรียนรู้ มีเครื่องมือจัดการความเสี่ยง สามารถตั้งค่าคำสั่ง stop-loss/take profit |
ข้อดี
- เหมาะเป็นพิเศษสำหรับแฟนๆ คริปโต
- เลเวอเรจสูง
- เครื่องมือการเทรดทันสมัย
- มีแหล่งข้อมูลเพื่อการศึกษา
- ใช้งานง่ายแม้กับมือใหม่
- ค่าธรรมเนียมต่ำ บางรายการไม่มีค่าคอมฯ
- มีฝ่ายบริการลูกค้า
ข้อเสีย
- ไม่มีการควบคุมจากสถาบันการเงินชั้นนำ
- ไม่รองรับการเทรดหุ้นโดยตรง (แต่รองรับ CFD สำหรับดัชนี)
- เงินฝากอยู่ในรูปแบบคริปโต จึงอาจไม่สะดวกสำหรับบางท่าน
- ไม่รองรับลูกค้าสหรัฐ
3. eToro – หนึ่งใน broker หุ้นที่ดีที่สุด ใช้งานง่าย รองรับสินทรัพย์กว่า 5,000 ประเภทในตลาดที่หลากหลาย
eToro เป็นโบรกเกอร์และเว็บเทรดหุ้นที่ได้รับการควบคุมและยอมรับอย่างกว้างขวางในสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และยุโรป เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ที่มือใหม่จำนวนมากเลือกใช้ กำหนดเงินฝากขั้นต่ำ 100 ดอลล่าร์คุณสมบัติ CopyTrading และการซื้อขายผ่านโซเชียล รวมถึงบัญชีทดลอง และการที่รองรับทั้ง Android และ iOS ทำให้ eToro กลายเป็นแพลตฟอร์มการลงทุนระดับแนวหน้า
นอกจากนี้นักลงทุนยังสามารถเทรดหุ้นและ ETFs ด้วยค่าคอมมิชชัน 0% อีกด้วย โดยจ่ายแค่ค่าส่วนต่างสเปรด
ดัชนีหุ้นของ eToro ครอบคลุมตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกมากกว่า 20 แห่ง ดังนั้นผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นยอดนิยมจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน เพราะมีหุ้นให้เลือกมากกว่า 4,000 ตัว รวมถึงหุ้นตัวท็อปอย่าง Tesla, Apple, Microsoft, Amazon, Nvidia, Meta และ Alphabet
ที่น่าสนใจคือ ผู้ที่เป็นมือใหม่หัดเทรดสามารถใช้ประโยนช์ทางวิชาการจาก eToro ได้ด้วย ซึ่งจะนำเสนอแหล่งข้อมูลความรู้สำหรับนักลงทุนทุกระดับ และสามารถทดสอบความรู้และสกิลการเทรดของตัวเองผ่านบัญชีจำลอง ก่อนที่จะลงสนามจริง
นอกจากนี้ eToro ยังเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ Copy Trading ที่ดีที่สุด ซึ่งผู้ใช้งานสามารถดูการวิเคราะห์ของเทรดเดอร์คนอื่นอีกกว่า 30 ล้านคนที่ใช้แพลตฟอร์มเดียวกันได้ แถมยังมีฟีเจอร์ CopyTrading และ Smart Portfolio ที่ช่วยให้คุณสามารถคัดลอกกลยุทธ์การเทรด ของเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของแพลตฟอร์มโดยอัตโนมัติ หรือลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดก็ตามได้อย่างง่ายดาย
ตลาดที่รองรับ | ระบบราคา | ค่าธรรมเนียมหุ้น Amazon | เงินฝากขั้นต่ำ | ฟีเจอร์ที่โดดเด่น |
หุ้น
ETF, สินค้าโภคภัณฑ์ ฟอเร็กซ์ ดัชนี คริปโต |
ไม่มีค่าคอมฯ (มีแค่ค่าสเปรด) | ไม่มีค่าคอมฯ | $100 (ขึ้นอยู่กับประเทศ) | Social Trading
CopyTrading แหล่งข้อมูลการเรียนรู้และบัญชีทดลอง ไม่มีค่าคอมฯ สำหรับหุ้นและ ETF รองรับสินทรัพย์กว่า 5,000 รายการ |
ข้อดี
- รองรับสินทรัพย์กว่า 5,000 ประเภท
- ฟีเจอร์ Social trading
- ไม่มีค่าคอมฯ ในการเทรดหุ้นและ ETF
- แหล่งข้อมูลการเรียนรู้ขนาดใหญ่
- บัญชีทดลองเทรด
ข้อเสีย
- ค่าถอน 5 ดอลล่าร์
4. XTB – โบรกเกอร์หุ้นออนไลน์ที่มาพร้อมหุ้นแบบดั้งเดิมและ CFD ที่ใช้เลเวอเรจ ค่าคอม 0% ลงทุนขั้นต่ำ 10 ดอลล่าร์
อีกตัวตึงของโบรกเกอร์ คือ XTB ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ระดับโลกที่รองรับตลาดหลักหลายพัน รวมถึงหุ้นกว่า 3,000 ตัว จากกว่า 16 แพลตฟอร์ม ในสหรัฐฯ คุณสามารถลงทุนในหุ้นตัวดังอย่าง Apple, Netflix, Palantir, Amazon, หรือ Alphabet นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหราชอาณาจักรได้ด้วย เช่น HSBC และ AstraZeneca รวมถึงฝั่งยุโรปอีกนับสิบ
ไม่ว่าจะเป็น ฝรั่งเศส สวีเดน เยอรมนี นอร์เวย์ และโปรตุเกส ข้อเสียคือ XTB ยังไม่รองรับตลาดเอเชีย อย่างสิงคโปร์และญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม เพียง 10 ดอลล่าร์ คุณก็สามารถเริ่มลงทุนในหุ้นได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น XTB มีค่าคอมมิชชัน 0% ดังนั้นไม่ว่าคุณต้องการลงทุนใน ABB จากสวิตเซอร์แลนด์หรือ Aston Martin ของสหราชอาณาจักร คุณจะจ่ายแค่ค่าสเปรดเท่านั้น
และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือ XTB ยังรองรับ ETF จำนวนหลายร้อยตัว โดยเริ่มต้นที่ 1 ดอลล่าร์เท่านั้น ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้ให้บริการ ETF ตัวท็อปอย่าง iShares, WisdomTree, Invesco, และ First Trust เป็นต้น โดยไม่เก็บค่าคอมมิชชันเช่นเดียวกัน สำหรับผู้ที่ชอบเทรดระยะสั้น XTB ยังรองรับ CFD ที่ใช้เลเวอเรจ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับประเทศที่คุณอยู่ ทั้งนี้คุณสามารถเทรด CFD ด้วยเลเวอเรจมากถึง 1:500
ตลาด CFD ที่รองรับได้แก่ หุ้น, ETF, ดัชนี, ฟอเร็กซ์ และสินค้าโภคภัณฑ์ ทำให้ XTB เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการเทรดรายวันที่ดีที่สุดสำหรับมือใหม่ โดยไม่มีเงินฝากขั้นต่ำ และยังมีบัญชีทดลองเทรดฟรี ที่สำคัญคือมีแหล่งข้อมูลเพื่อการศึกษาพร้อมคำอธิบายมากมาย
อย่างไรก็ตาม CFD เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเนื่องมาจากเลเวอเรจ จึงควรศึกษาอย่างละเอียดก่อน เนื่องจากนักลงทุนรายย่อยจำนวนมากสูญเสียเงินจากการเทรด CFD
XTB เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ที่ปลอดภัย มีการควบคุมโดย FCA (สหราชอาณาจักร), CySEC (ไซปรัส) และหน่วยงานอื่นๆ XTB รวมถึงจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์วอร์ซออย่างเปิดเผย
ตลาดที่รองรับ | ระบบราคา | ค่าธรรมเนียมหุ้น Amazon | เงินฝากขั้นต่ำ | ฟีเจอร์ที่โดดเด่น |
หุ้น
ETF ฟอเร็กซ์ ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ |
ไม่มีค่าคอมฯ สำหรับทุกตลาดที่รองรับ | ไม่มีค่าคอมฯ | ไม่มี | โบรกเกอร์ที่จดทะเบียนในตลาดและมีการควบคุม
ค่าคอมฯ 0% สำหรับหุ้นและ ETF หลายพันรายการ รองรับตลาดหุ้นทั่วโลก 16 แห่ง เลเวอเรจสูงสุด 1:500 |
ข้อดี
- รองรับหุ้นกว่า 3,000 ประเภท และ ETF โดยไม่เสียค่าคอมฯ
- รองรับแพลตฟอร์มเทรดกว่า 16 แห่งทั่วโลก รวมถึง US, UK, เยอรมัน
- การลงทุนแบบเศษส่วนเริ่มต้นเพียง $1 สำหรับ ETFs และ $10 สำหรับหุ้น
- ไม่มีค่าคอมฯ ในการเทรด
- รองรับเลเวอเรจมากถึง 1:500
ข้อเสีย
- ไม่รองรับลูกค้าจากอเมริกา
5. Libertex – แพลตฟอร์มเทรดระดับโลก รองรับหุ้น Micro-Lot เลเวอเรจและการขายชอร์ต ไม่มีค่าคอม
Libertex เป็นแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1997 และมีฐานลูกค้ากว่า 3 ล้านคน ให้บริการบัญชีโบรกเกอร์ 2 แบบ แบบแรกคือ “Libertex Portfolio” ที่เปิดให้ลงทุนหุ้นและ ETFs จากตลาดมากมาย ไม่มีค่าคอมมิชชันในการเทรด และจุดเด่นคือสามารถเริ่มซื้อหุ้นได้ตั้งแต่ 0.01 หน่วย ซึ่งบัญชีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความเสี่ยงต่ำและต้องการลงทุนระยะยาว
ยกตัวอย่างเช่น ปกติแล้วหากคุณลงทุนในหุ้น Tesla จะมีราคา 270 ดอลล่าร์ต่อหุ้น แต่ด้วยการกำหนดค่าเริ่มต้นที่ 0.01 หน่วย คุณจะสามารถเป็นหุ้นส่วนได้ด้วยเงินเพียง 2.70 ดอลล่าร์เท่านั้น ทำให้คุณได้กระจายพอร์ตไปยังหุ้นหรือ ETF ได้มากมายในงบจำกัด
บัญชีอีกประเภทคือ “Libertex CFD” ซึ่งเจาะตลาด CFD มากมาย รวมถึงหุ้น, ETFs, คริปโต, โลหะ เช่น ทอง, พลังงาน, ฟอเร็กซ์, และดัชนี
บัญชีประเภทนี้คุณสามารถใช้เลเวอเรจได้ถึง 1:999 ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่อยู่ของคุณ โดยกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงสูงนี้จะช่วยให้คุณสามารถซื้อขายได้เกือบ 10,000 ดอลลาร์ สำหรับเงินฝากทุก 10 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม CFD เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเนื่องมาจากเลเวอเรจ จึงควรศึกษาอย่างละเอียดก่อน เนื่องจากนักลงทุนรายย่อยจำนวนมากสูญเสียเงินจากการเทรด CFD
นอกจากนี้ Libertex ยังรองรับแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ต่างกัน 3 แพลตฟอร์ม ซึ่งรวมถึงแพลตฟอร์มที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท ทั้งทางออนไลน์และทางแอปเทรดหุ้น
ยิ่งไปกว่านั้นยังรองรับ MT4 และ MT5 ซึ่งเน้นดึงดูดเทรดเดอร์ที่มีเทคนิคแพรวพราว รวมถึงบัญชีทดลองเทรดฟรี ซึ่งใช้ได้เฉพาะกับ CFD เท่านั้น ไม่รวมสินทรัพย์จริง และที่น่าสนใจคือ Libertex มีแพ็คเกจต้อนรับสำหรับผู้ใช้ใหม่ โดยเงินฝากก้อนแรกของคุณจะสามารถเพิ่มเป็น 2 เท่าได้ สูงสุดถึง 10,000 ดอลล่าร์ โดยจะได้รับโบนัสเรื่อยๆ ทีละเล็กน้อย ตามปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น
ตลาดที่รองรับ | ระบบราคา | ค่าธรรมเนียมหุ้น Amazon | เงินฝากขั้นต่ำ | ฟีเจอร์ที่โดดเด่น |
หุ้น
ETF ฟอเร็กซ์ ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ |
ไม่มีค่าคอมฯ สำหรับทุกตลาดที่รองรับ | ไม่มีค่าคอมฯ | $10 | มีชื่อเสียงและฐานผู้ใช้งานกว่า 3 ล้านคน
ค่าคอมฯ 0% ในทั้ง 2 บัญชี เริ่มลงทุนหุ้นขั้นต่ำ 0.01 หน่วย 1 ในโบรกเกอร์ MT5 ที่ดีที่สุด |
ข้อดี
- ลงทุนหุ้นด้วยค่าคอม 0% เริ่มต้นที่ 0.01 หน่วย
- เงินฝากเริ่มเพียง $10
- รองรับ CFD ด้วยเลเวอเรจสูงสุด 1:999
- มีชื่อเสียงมานาน
ข้อเสีย
- ไม่รองรับลูกค้าจากอเมริกา
- มีข้อมูลเชิงลึกของตลาดที่จำกัด
6. Trade Nation – เทรดหุ้นด้วยเลเวอเรจ ผ่านสเปรด มีชื่อเสียงด้านการเทรดระยะสั้น เชี่ยวชาญใน CFD
Trade Nation เป็นอีกโบรกเกอร์ที่เหมาะสำหรับการเทรดระยะสั้นเชี่ยวชาญในตลาด CFD ให้คุณได้เทรดหุ้นด้วยเลเวอเรจสูงสุด 1:500 ขึ้นอยู่กับประเทศที่คุณอยู่ เช่น เทรดเดอร์ ชาวยุโรป สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย จะเป็นอัตราส่วน 1:5
ทั้งนี้แพลตฟอร์มดังกล่าวมีโมเดลราคาแบบ spread-only ซึ่งสเปรดจะขึ้นอยู่กับตลาดหุ้นที่คุณต้องการเทรด ยกตัวอย่างเช่น หุ้นยุโรปและแอฟริกาใต้ด้วยสเปรดเพียง 0.2% ในขณะที่สหราชอาณาจักรอยู่ที่ 0.1% ส่วนการเทรดหุ้นอเมริกาจะจ่ายสเปรดในราคา 0.02 ดอลล่าร์
การที่สเปรดกำหนดไว้ตายตัวแล้ว หมายความว่าคุณจะรู้ตัวเสมอว่ากำลังจ่ายเพื่อเทรดอะไรอยู่ นอกจากนี้ Trade Nation ยังรองรับตลาดอื่นๆ เช่น พันธบัตร, ETF, ดัชนี, ฟอเร็กซ์ และสินค้าโภคภัณฑ์ โดยไม่จำเป็นต้องมีการฝากขั้นต่ำ เพราะหลังจากเปิดบัญชีแล้ว คุณสามารถฝากเงินได้ทันทีด้วยบัตรเดบิต/เครดิต
ตลาดที่รองรับ | ระบบราคา | ค่าธรรมเนียมหุ้น Amazon | เงินฝากขั้นต่ำ | ฟีเจอร์ที่โดดเด่น |
หุ้น
ETF พันธบัตร ฟอเร็กซ์ ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ |
มีแค่สเปรดที่ตายตัว สำหรับตลาดทุกประเภท | สเปรดอยู่ที่ $0.02/สไลด์ | ไม่มี | สเปรดตายตัว
เลเวอเรจสูงสุด 1:500 อยู่ภายใต้การควบคุมทางกฎหมายหลายแห่ง |
ข้อดี
- สเปรดกำหนดไว้ตายตัวที่ $0.02 สำหรับหุ้นสหรัฐ
- รองรับหุ้นสหราชอาณาจักร แอฟริกาใต้ และยุโรป
- เลเวอเรจสูงสุด 1:500
- ไม่มีค่าคอมฯ ในการเทรด
- ไม่มีเงินฝากขั้นต่ำ
ข้อเสีย
- ค่าธรรมเนียมข้ามคืนสูง
- การติดต่อฝ่ายให้บริการลูกค้าทางโทรศัพท์จากที่ที่ไม่ใช่ Seychelles อาจมีค่าธรรมเนียมสูง
7. AvaTrade – ได้รับการยอมรับระดับโลก หลักประกันเพียง 10% เทรดหุ้นโดยไม่เสียค่าคอมฯ
AvaTrade เป็นแพลตฟอร์มที่ขึ้นชื่อเรื่อง CFD ใช้หลักประกันเพียง 10% ในการเทรดหุ้น รองรับหุ้นกว่า 600 รายการ รวมถึงบริษัทชั้นนำ ตัวอย่างเช่นหุ้นที่อยู่ในดัชนี S&P 500 อย่าง Apple, Microsoft, American Express, JPMorgan Chase และ IBM AvaTrade ทั้งยังรองรับหุ้นจากสหราชอาณาจักรและยุโรปโดยไม่เสียค่าคอมมิชชัน
สเปรดในการซื้อขายหุ้นจะอยู่ระหว่าง 0.13% ถึง 0.19% ยกเว้น Groupon ซึ่งจดทะเบียนใน NASDAQ มีสเปรดอยู่ที่ 0.36%
นอกจากนี้ AvaTrade ยังมีแหล่งข้อมูลด้านการศึกษาเรียนรู้ พร้อมทั้งรองรับสินทรัพย์ประเภทอื่น เช่น คริปโตที่ดีที่สุดสำหรับการซื้อขาย อย่าง Bitcoin, Stellar, Ethereum และ Litecoin รวมถึง ETF ดัชนี อนุพันธ์ พันธบัตร และสินค้าโภคภัณฑ์
AvaTrade เป็นโบรกเกอร์หุ้นที่ได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวด มีใบอนุญาตนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในเขตอำนาจศาล 9 แห่ง
ตลาดที่รองรับ | ระบบราคา | ค่าธรรมเนียมหุ้น Amazon | เงินฝากขั้นต่ำ | ฟีเจอร์ที่โดดเด่น |
หุ้น
ETF ฟอเร็กซ์ ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ พันธบัตร ออปชั่น |
ไม่มีค่าคอมฯ สำหรับทุกตลาดที่รองรับ | ไม่มีค่าคอมฯ | $100 | ซื้อขายหุ้นด้วยหลักประกัน 10%
สเปรดเริ่มต้นที่ 0.13% เท่านั้น มีใบอนุญาตนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ใน 9 แห่ง |
ข้อดี
- เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายหุ้นที่ดีที่สุดสำหรับมือใหม่ที่มองหาบัญชีมาร์จิ้น
- ซื้อขายหุ้นด้วยหลักทรัพย์เพียง 10%
- สเปรดหุ้นอยู่ระหว่าง 0.13% ถึง 0.36%
- มีฝ่ายสนับสนุนลูกค้าในรูปแบบ live chat
- รับบัตรเดบิต/เครดิต, กระเป๋าสตางค์อิเล็กทรอนิกส์ อย่าง Neteller และ PayPal
ข้อเสีย
- รองรับหุ้นจำนวนไม่มาก (600+)
8. Interactive Brokers – ลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ, ETF และกองทุนรวม โดยไม่เสียค่าคอมมิชชัน
อีกตัวท็อปของโบรกเกอร์ คือ Interactive Brokers ที่ให้ลูกค้าในอเมริกาได้เข้าถึงตลาดหลายแห่งได้โดยไม่ต้องเสียค่าคอมมิชชัน
ซึ่งรวมถึงหุ้นที่จดทะเบียนในสหรัฐ, ETF และกองทุนรวม
นอกจากนี้ Interactive Brokers ยังรองรับหุ้นเศษส่วนในราคาเริ่มต้นเพียง 1 ดอลล่าร์ ไม่เพียงแต่หุ้นในอเมริกา แต่ยังรวมถึงแคนาดาและยุโรปด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น Interactive Brokers ยังรองรับสินทรัพย์ชั้นนำประเภทอื่นด้วย เช่น การซื้อขายออปชันและฟิวเจอร์สได้ในราคาเพียง 0.15 ดอลล่าร์ และ 0.25 ดอลล่าร์ ตามลำดับ
รวมถึงการซื้อขายพันธบัตร, โลหะ, สกุลเงินสปอต และคริปโตเคอร์เรนซี
ถ้าปริมาณการซื้อขายต่อเดือนต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์ ค่าคอมมิชชันของคริปโตจะอยู่ที่ 0.18% และไม่มีข้อกำหนดการฝากเงินขั้นต่ำในบัญชีปกติ อย่างไรก็ตาม สำหรับบัญชีมาร์จิ้นหรือการจัดการพอร์ตโฟลิโอของมัน ก็จะมีการกำหนดขั้นต่ำเล็กน้อย
ทั้งนี้ แม้ว่า Interactive Brokers จะเปิดให้บริการนอกสหรัฐด้วย แต่ก็จะมีค่าคอมมิชชัน
ตลาดที่รองรับ | ระบบราคา | ค่าธรรมเนียมหุ้น Amazon | เงินฝากขั้นต่ำ | ฟีเจอร์ที่โดดเด่น |
หุ้น
ETF กองทุนรวม Spot currencies ออปชั่น ฟิวเจอร์ส โลหะ พันธบัตร คริปโต |
ไม่มีค่าคอมฯ สำหรับลูกค้าอเมริกันที่ลงทุนในหุ้น ETF หรือกองทุนรวมที่จดทะเบียนในสหรัฐเท่านั้น | ไม่มีค่าคอมฯ สำหรับลูกค้าสหรัฐฯ | ไม่มี | หนึ่งในโบรกเกอร์ที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก
ลูกค้าอเเมริกันสามารถเข้าถึงตลาดปลอดค่าคอมฯ บัญชีพื้นฐานไม่เสียเงินฝากขั้นต่ำ |
ข้อดี
- เป็นโบรกเกอร์ชั้นนำที่น่าเชื่อถือ
- ลูกค้าจากสหรัฐอเมริกาสามารถลงทุนในหุ้น NYSE และ NASDAQ โดยไม่เสียค่าคอมฯ
- การลงทุนเศษส่วนเริ่มที่ $1 สำหรับหุ้นสหรัฐฯ แคนาดา และยุโรป
- รองรับกองทุนรวมกว่า 48,000 กองทุน
ข้อเสีย
- ปลอดค่าคอมแค่เฉพาะลูกค้าอเมริกัน
- กองทุนรวมบางตัวมีค่าคอมฯ ถึง 3%
9. Fidelity – โบรกเกอร์ออนไลน์ชั้นนำ ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องมือช่วยเทรด
Fidelity เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์หุ้นออนไลน์ที่ครอบคลุมที่สุด มีบัญชีให้เลือกหลายประเภทเพื่อตอบสนองทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น IRA, การลงทุนแบบยั่งยืน, การจัดการพอร์ตโฟลิโอ และคำแนะนำทางการเงิน
นักลงทุนส่วนใหญ่จึงมักจะเปิดบัญชีโบรกเกอร์ออนไลน์แบบธรรมดาที่ไม่เงินฝากขั้นต่ำ ซึ่งบัญชีประเภทนี้สามารถซื้อขายได้โดยไม่เสียค่าคอมมิชชันอีกด้วย ทั้งยังรวมถึงหุ้นที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ETF และออปชั่น กองทุนรวมที่สนับสนุนโดย Fidelity และการออกพันธบัตรใหม่ ที่รวมถึงพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ไม่คิดค่าคอมมิชชันเช่นกัน
นอกจากนี้ Fidelity ยังขึ้นชื่อเรื่องการซื้อขายมาร์จิ้น โดยให้เรทมาร์จิ้นที่ดีที่สุดในตลาด เริ่มต้นเพียง 9.25% และที่สำคัญคือมีเครื่องมือการวิเคราะห์ตลาดที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นข่าวเกี่ยวกับการเงินแบบเรียลไทม์จากสำนักพิมพ์ชั้นนำอย่าง Reuters, the Financial Times หรือ Barron
รวมถึงนำเสนอข้อมูลเชิงลึกของตลาดและแนวคิดการเทรดด้วย มาพร้อมการอัปเดตและการจัดอันดับรายไตรมาสของภาคส่วนต่างๆ ท่ามกลางหุ้นหลายพันตัวอีกด้วย
ตลาดที่รองรับ | ระบบราคา | ค่าธรรมเนียมหุ้น Amazon | เงินฝากขั้นต่ำ | ฟีเจอร์ที่โดดเด่น |
หุ้น
ETF กองทุนรวม ออปชั่น ฟิวเจอร์ส พันธบัตร คริปโต |
ไม่มีค่าคอมฯ สำหรับหุ้น, ETF, ออปชั่นของสหรัฐฯ
รวมถึงกองทุนรวมที่สนับสนุนโดย Fidelity และการออกพันธบัตรใหม่ |
ไม่มีค่าคอมฯ สำหรับลูกค้าสหรัฐฯ | ไม่มี | เรทมาร์จิ้นดีที่สุด
ตลาดที่จดทะเบียนในสหรัฐจำนวนมากสามารถเทรดโดยไม่เสียค่าคอมฯ |
ข้อดี
- รองรับตลาดหลายพันแห่งจากสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ
- หุ้นและ ETF ที่จดทะเบียนในสหรัฐทั้งหมดไม่ต้องเสียค่าคอมฯ
- ไม่มีค่าคอมฯ สำหรับการออกพันธบัตรใหม่หรือกองทุนรวมที่ได้รับการสนับสนุนจาก Fidelity
- เรทมาร์จิ้นเริ่มต้นเพียง 9.25%
- มีข้อมูลเชิงลึกของตลาดและเครื่องมือวิจัยที่ครอบคลุม
ข้อเสีย
- หุ้นเศษส่วนสำหรับหุ้นที่จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
- ค่าคอม $49.95 สำหรับกองทุนรวมที่ไม่ใช่ของ Fidelity
10. Skilling แพลตฟอร์มเทรดหุ้น CFD ที่ใช้งานง่าย รองรับ MT4 และ cTrader
Skilling เป็นแพลตฟอร์มการซื้อขาย CFD ที่นำเสนอเลเวอเรจสำหรับทุกตลาดที่รองรับ ซึ่งรวมถึงหุ้นกว่า 700 ตัวของอเมริกา สหราชอาณาจักร และยุโรป สำหรับลูกค้ารายย่อยจะอยู่ที่ 1:5
โดยหุ้นทั้งหมดใน Skilling สามารถเทรดได้โดยไม่เสียค่าคอมมิชชัน
รองรับฟอเร็กซ์ ดัชนี และสินค้าโภคภัณฑ์ และยังสามารถซื้อขาย Bitcoin และ altcoins ยอดนิยมบางส่วนได้ด้วย เช่น Ethereum, Litecoin, Cardano, BNB และ XRP
แม้ว่า Skilling จะรองรับ MT4 และ cTrader แต่มือใหม่อาจจะชอบแพลตฟอร์มแบบเดิมมากกว่า เนื่องจากใช้งานง่ายทั้งบน iOS และ Android
ที่น่าสนใจคือ Skilling ยังมีให้บริการการคัดลอกการเทรด ซึ่งครอบคลุมกลยุทธ์กว่า 400 แบบ และช่วยให้คุณซื้อขายแบบพาสซีฟได้สบายๆ นอกจากนี้ ยังมีบัญชีทดลองเทรดที่ปราศจากความเสี่ยง และมาพร้อมเงินเสมือนจริงมูลค่า 10,000 ดอลลาร์ด้วย
สำหรับบัญชีจริง มีกำหนดเงินฝากขั้นต่ำ 100 ดอลลาร์ โดยรับชำระผ่านบัตรเดบิต/เครดิต และกระเป๋าสตางค์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น Skrill และ Neteller เป็นต้น
ตลาดที่รองรับ | ระบบราคา | ค่าธรรมเนียมหุ้น Amazon | เงินฝากขั้นต่ำ | ฟีเจอร์ที่โดดเด่น |
หุ้น
ETF ดัชนี ฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ คริปโต |
ไม่มีค่าคอมฯ | ไม่มีค่าคอมฯ | $100 | CopyTrading
บัญชีทดลองเทรดพร้อมเงินจำลอง $10,000 |
ข้อดี
- เทรดหุ้นได้กว่า 700 ตัว ค่าคอม 0%
- ลูกค้ารายย่อยสามารถเทรดหุ้นด้วยเลเวอเรจสูงสุด 1:5
- แพลตฟอร์มการซื้อขายแบบเดิมใช้งานง่ายมาก
- รองรับ MT4 และ cTrader
- ซื้อขายแบบแพสซีฟผ่านฟีเจอร์ CopyTrading
ข้อเสีย
- ไม่รองรับการลงทุนจริง ยังรองรับแค่ CFD
- กำหนดเงินฝากขั้นต่ำสูงถึง $100
ขั้นตอนการลงทุน
จริงๆ แล้วการซื้อขายหุ้นออนไลน์เป็นเรื่องง่ายกว่าที่หลายคนคิด เพราะหลักๆ ที่นักลงทุนต้องทำก็คือ เปิดพอร์ตหุ้น เลือกหุ้นที่จะลงทุน และเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสม ที่เปิดใช้งานในประเทศที่คุณอยู่ ตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์ที่รองรับลูกค้าสหรัฐฯ อย่าง Webull อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ FINRA ในขณะที่ในสหราชอาณาจักร FCA ทำหน้าที่กำกับดูแลโบรกเกอร์ออนไลน์ และในออสเตรเลียจะเป็นหน้าที่ของ ASIC เป็นต้น
ขั้นแรกก่อนจะเริ่มเทรด คุณจะต้องเปิดบัญชีกับ broker ที่คุณเลือกก่อน โดยวิธีเปิดพอร์ตหุ้นในโบรกเกอร์ก็ทำได้ไม่ยาก และมักไม่เสียค่าธรรมเนียม
โบรกเกอร์จะต้องมีการยืนยันตัวตนของคุณ ตามที่กฎหมายต่อต้านการฟอกเงินระบุ หรือที่เรียกว่า กระบวนการ KYC เสียก่อน และคุณจำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนตัว รายละเอียดการติดต่อ และเอกสารยืนยันตัวตน เช่น บัตรประชาชน หนังสือเดินทาง ใบขับขี่ เป็นต้น
หลังจากยืนยันตัวตนและเปิดบัญชีสำเร็จแล้ว คุณอาจจะต้องเงินฝากไว้ในบัญชีตามที่แต่ละโบรกเกอร์กำหนด จากนั้นจึงจะเริ่มซื้อหุ้นได้ โดยการเข้าไปค้นหาหุ้นที่ต้องการ แล้วกรอกจำนวนที่ต้องการลงทุน จากนั้นกดยืนยันการซื้อ เป็นอันเสร็จสิ้น
หลังจากเข้าใจวิธีเปิดพอร์ตหุ้นแล้ว ควรระลึกไว้เสมอว่าหากตลาดหุ้นปิดทำการ ก็อาจจะต้องรอจนกว่าตลาดหุ้นจะเปิดอีกครั้ง จึงจะสามารถดำเนินการซื้อขายได้ โบรกเกอร์บางรายจึงนำเสนอการซื้อขายในตลาดแบบขยายเวลาให้
ปัจจุบันมีโบรกเกอร์หุ้นออนไลน์ดีๆ มากมายที่รองรับตลาดหลายพันแห่ง และนักลงทุนรายย่อยมักจะซื้อหุ้นเป็นเสี้ยวเล็กๆ หรือที่มักเรียกกันว่า fractional share (การลงทุนแบบเศษส่วน หรือการลงทุนในเศษหุ้น) โดยหลังจากซื้อหุ้นแล้ว หุ้นจะยังคงอยู่ในบัญชีนายหน้าของคุณ
และเมื่อคุณต้องการขายหุ้น คุณยังสามารถดำเนินการผ่านโบรกเกอร์ออนไลน์ของคุณได้อีกด้วย แล้วโบรกเกอร์ก็จะเพิ่มรายได้เข้ามาในยอดคงเหลือในบัญชีของคุณหลังการขายสำเร็จ ซึ่งโดยปกติแล้วการซื้อขายหุ้นออนไลน์ใช้เวลาเพียงหลักวินาทีเท่านั้น
ซื้อหุ้นต่างประเทศ โบรกไหนดี เลือกจากอะไร
สำหรับคำถามยอดฮิตว่า ซื้อหุ้นต่างประเทศ โบรกไหนดี คุณจะต้องพิจารณาจากตลาดหลักทรัพย์ที่สามารถลงทุนได้ ซึ่งรายการที่เราคัดมาแล้วนั้นรองรับตลาดหลักๆ อยู่แล้ว ทั้งนี้คุณก็อาจจะเจอหุ้นราคาถูกที่น่าสนใจในตลาดเล็กๆ ที่ยังไม่ค่อยมีชื่อเสียงได้เหมือนกัน
นอกจากนี้ ต้องไม่ลืมที่จะเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมการเทรด และการใช้งานของโบรกเกอร์ ว่าเร็วพอไหม ใช้งานง่ายสำหรับคุณหรือไม่ รวมถึงควรมีฝ่ายดูแลลูกค้า สำหรับกรณีที่คุณต้องการความช่วยเหลือ
โบรกเกอร์หุ้นทำงานอย่างไร?
broker คือนายหน้าที่โดยปกติแล้วจะคิดค่าคอมมิชชันในการซื้อขาย ซึ่งจะเรียกเก็บจากคำสั่งซื้อและขาย หมายความว่าคุณจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการซื้อหุ้น และจ่ายอีกครั้งเมื่อตอนขายหุ้น อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีโบรกเกอร์หุ้นออนไลน์มากมายที่ไม่คิดค่าคอมมิชชัน ดังนั้น broker เหล่านี้ จึงต้องหารายได้จากทางอื่นด้วย
หนึ่งในวิธีที่โบรกเกอร์ชอบใช้ คือ สเปรด ซึ่งอธิบายง่ายๆ ก็คือ ปกติเราจะเห็นราคา “เสนอซื้อ” และ “เสนอขาย” ที่ระบุไว้ ซึ่งค่าสเปรดก็คือความแตกต่างระหว่าง 2 ราคานั่นเอง ทำให้นายหน้าทำเงินจากการซื้อขายนี้ได้
อีกวิธีหนึ่งคือ โบรกเกอร์ออนไลน์บางรายจะให้ผู้ขายชอร์ตยืมหุ้นของคุณ แล้วผู้ขายชอร์ตก็จะจ่ายดอกเบี้ยตามระยะเวลาที่ถือหุ้นอยู่ ทั้งนี้ การที่คุณจะได้รับส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมนี้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์แต่ละราย
บทสรุป
เทรดหุ้น ภาษาอังกฤษ คือ trading stocks เป็นวิธีที่หลายคนเลือกใช้ในการลงทุน ซึ่งตัวกลางในการเทรดที่นักลงทุนจำเป็นต้องมี ได้แก่โบรกเกอร์หุ้น
broker คือ บริษัททางการเงินมืออาชีพที่เป็นตัวกลางระหว่างนักลงทุนกับตลาดหลักทรัพย์ มีหน้าที่ช่วยให้คุณเข้าถึงตลาดหุ้นหรือสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ แพลตฟอร์มการเทรด และทำการซื้อขายหุ้นที่ปกติแล้วนักลงทุนรายย่อยจะไม่สามารถเข้าถึงได้โดยตรง
และรายการข้างบนคือโบรกเกอร์ที่เราจัดอันดับมาให้แล้วว่าเป็นโบรกเกอร์หุ้นที่ดีที่สุด 2024 อย่างไรก็ตาม ควรระลึกไว้เสมอว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ดังนั้นควรศึกษาให้ละเอียดก่อนการลงทุนใดๆ และลงทุนเท่าที่จะสามารถเสียได้เท่านั้น
Reference:
วิธีเทรดคริปโต – เคล็ดลับและกลยุทธ์สำหรับมือใหม่
12 Best Online Stock Brokers for Beginners 2024
9 Best Stock Trading Apps for August 2024
Best Altcoins to Buy Now – 15+ Top Altcoins of August