VPN คือ อะไร? เปิดลิส 10 ผู้ให้บริการ VPN ที่ดีที่สุดในปี 2024

VPN คือ หนึ่งสิ่งสำคัญอย่างยิ่งบนโลกออนไลน์ในปัจจุบัน เพราะมันเป็นเครื่องมือที่ช่วยปกป้องคุณจากเหล่าแฮกเกอร์ นักโฆษณา หรือบุคคลที่สาม ให้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของคุณได้ หรืออย่างน้อยก็เพิ่มความยากสำบากในการเจาะระบบของคุณ

ทั้งนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก ที่ผู้ใช้งานควรเลือกใช้ผู้ให้บริการมองหาใน VPN คือประโยชน์การใช้งานสูงสุด อย่างเช่นการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดในการเข้าถึงเว็บไซต์ภายในพื้นที่หรือประเทศต่างๆ เพื่อช่วยปลดล็อคให้คุณสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งโปรดของคุณ เช่น Netflix, Hulu และ Amazon Prime ได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ก็ตาม

โดยในบทความนี้ เราได้ทำการตรวจสอบและวิเคราะห์เหล่าผู้ให้บริการ VPN ยอดนิยมทั้ง 20 ตัวเลือกในตลาด โดยมองจากปัจจัยด้าน ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และราคา จนทำให้เราค้นพบแล้วว่า มีผู้ให้บริการ VPN อันไหนบ้าง ที่น่าใช้งานมากที่สุดในปี 2024

VPN ที่ดีที่สุดจากการตรวจสอบของเรา

NordVPN – VPN อันดับ 1 ในตลาด ที่มีเซิร์ฟเวอร์กว่า 6,400 แห่งทั่วโลก

24 เดือน + ฟรี 3 เดือน
เยี่ยมชมเว็บไซต์

Surfshark – VPN คุ้มค่าที่สุด ที่รองรับการเชื่อมต่อไม่จำกัดอุปกรณ์

24 เดือน + ฟรี 3 เดือน
เยี่ยมชมเว็บไซต์

ExpressVPN – VPN ที่ปลอดภัยที่สุด ที่มีเซิร์ฟเวอร์ในกว่า 105 ประเทศ

24 เดือน + ฟรี 3 เดือน
เยี่ยมชมเว็บไซต์

PureVPN – VPN ที่เร็วที่สุด มีเซิร์ฟเวอร์ความเร็วถึง 20Gbps

24 เดือน + ฟรี 3 เดือน
เยี่ยมชมเว็บไซต์

TotalVPN – VPN แรงๆ ที่เหมาะสำหรับการท่องเว็บ ด้วยฟีเจอร์ป้องกันมัลแวร์

แผน 12 เดือน + การคืนเงินภายใน 30 วัน
เยี่ยมชมเว็บไซต์

IvacyVPN – VPN ที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานในระยะยาว

ประหยัด $500 สำหรับแผน 60 เดือน
เยี่ยมชมเว็บไซต์

IPVanish – VPN ตัวโดนสำหรับใช้งานบนสมาร์ทโฟน

แผน 24 เดือน + การคืนเงินภายใน 30 วัน
เยี่ยมชมเว็บไซต์

PrivadoVPN – VPN ใช้งานง่าย ที่เหมาะสำหรับมือใหม่

24 เดือน + ฟรี 3 เดือน
เยี่ยมชมเว็บไซต์

CyberGhost – VPN ที่ดีที่สุดสำหรับการเล่นสตรีม ด้วยเซิร์ฟเวอร์กว่า 11,700 แห่ง

24 เดือน + ฟรี 2 เดือน
เยี่ยมชมเว็บไซต์

PrivateVPN – ตัวเลือก VPN ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ต้องการความเป็นส่วนตัว

แผน 12 เดือน + ฟรี 24 เดือน
เยี่ยมชมเว็บไซต์

NordVPN – VPN อันดับ 1 ในตลาด ที่มีเซิร์ฟเวอร์กว่า 6,400 แห่งทั่วโลก

NordVPN

เหมาะสำหรับ การใช้งานทั่วไป
เครือข่าย มากกว่า 6,400 เซิร์ฟเวอร์ ใน 111 ประเทศ
ทำงานบน สามารถใช้งานได้บนWindows, Mac, iOS, Android, และ Linux
เชื่อมต่อได้สูงสุด 10 อุปกรณ์
ราคา เริ่มต้นที่ 3.39 ดอลลาร์ต่อเดือน

จุดเด่นที่น่าสนใจ

Nord VPN คือ ตัวเลือกอันดับ 1 ในหมู่ผู้ใช้งาน VPN ทั่วโลก ด้วยจุดเด่นทางด้านความปลอดภัย และเครื่องมือภายในที่เป็นประโยชน์หลายอย่าง อย่างเช่นฟีเจอร์ที่ช่วยตรวจสอบ Dark Web, บริการ Dedicated IP, และอื่นๆอีกมากมาย ที่จะรับประกันได้ว่าผู้ใช้งานได้รับความปลอดภัยในระดับสูงสุด .

ฟีเจอร์สำคัญ

นอกเหนือจากความสามารถในการป้องกันภัยคุกคามและตรวจสอบ Dark Web แล้ว NordVPN ยังมีเครื่องมือ kill switch ที่ใช้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ อีกทั้งผู้ใช้งานยังสามารถเลือกประเภท Server ต่างๆได้อย่างเช่น แบบ P2P (ที่เหมาะสำหรับ torrenting), double VPN (เพื่อความปลอดภัยเพิ่มเติม), obfuscated (เพื่อซ่อนสถานะว่าคุณกำลังใช้ VPN) และ dedicated IP (สำหรับการเชื่อมต่อเฉพาะทาง)

อย่างไรก็ตาม NordVPN ยังมีฟีเจอร์ที่โดดเด่นที่สุดคือ Meshnet ซึ่งเป็นเครือข่ายเสมือนที่ช่วยให้อุปกรณ์ระยะไกลจำนวนมากสามารถเชื่อมต่อและสื่อสารกันได้ทั่วโลก หรือเรียกว่าเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานจากทั่วทุกมุมโลกสามารถเข้าถึงไฟล์บนอุปกรณ์ของกันและกันได้.

ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

โดย NordVPN มีการใช้งาน NordLynx ซึ่งเป็นโปรโตคอลที่พัฒนาขึ้นเองบนพื้นฐานของระบบ WireGuard อีกทั้งยังใช้ Server แบบ RAM-only และการเข้ารหัสแบบ AES-256 และ ChaCha20 (กับ NordLynx) เพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการรักษาความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ทั้งนี้ NordVPN ยังมีนโยบายไม่เก็บบันทึกข้อมูลใดๆของผู้ใช้งาน

การปลดล็อกการเข้าถึงในแต่ละประเทศ

จากการที่ Nord VPN คือ เจ้าของเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่มากกว่า 6400 เซิร์ฟเวอร์ทั่วโลก โดยตั้งอยู่ใน 111 ประเทศ จึงทำให้มันมีความปลอดภัยที่มากกว่าผู้ให้บริการอื่นๆ

นอกจากนี้อีกจุดเด่น Nord VPN คือ มันยังมีฟังก์ชั่นสำหรับการใช้งาน obfuscated servers ที่จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถปกปิดการใช้ VPN ของตนเองได้ และสามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง Netflix ที่อาจจำกัดการใช้ VPN อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี Smart DNS ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเนื้อหาต่างๆที่ถูกบล็อกในพื้นที่ ที่โดยปกติแล้วไม่รองรับการใช้งานแอปพลิเคชัน VPN

ศักยภาพ

เนื่องจาก NordVPN อ้างว่าสามารถให้บริการผู้ใช้งานด้วยความเร็วที่สูง ทำให้ทางเราได้มีการตรวจสอบเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาด้วย NordLynx protocol

แล้วในระหว่างการตรวจสอบ เราพบว่าความเร็วของ NordVPN มีการลดลง 5 ถึง 10% อย่างคงที่ในสถานที่ใกล้เคียง ในขณะที่เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ไกลออกไปมีความเร็วลดลงมากขึ้นถึง 20% อย่างไรก็ตาม โดยเฉลี่ยแล้ว NordVPN จะรักษาความเร็วในการดาวน์โหลดอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 73.37% และความเร็วในการอัปโหลดไม่ต่ำกว่า 73.39% ของความเร็วเริ่มต้น ทำให้โดยรวมแล้ว NordVPN ถือเป็นเป็น VPN ที่เร็วที่สุดที่เราเคยทดสอบมา .

ราคา

ราคาของ Nord VPN คือ ถือว่าระดับราคาที่แตกต่างกันถึงสามระดับ และระยะเวลานายการเรียกเก็บเงินอยู่ 3 รูปแบบ ถึงแม้ว่านายแต่ละระดับจะมีคุณสมบัติเพิ่มเติมที่แตกต่างกันออกไป แต่จำนวนลิมิตในการเชื่อมต่อพร้อมกันยังคงเท่าเดิม โดยสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้สูงสุด 6 เครื่องเหมือนกัน

แพ็คเกจ 24 เดือน + ฟรี 3 เดือน 12 เดือน + ฟรี 3 เดือน 1 เดือน
NordVPN Basic 3.39 ดอลลาร์ต่อเดือน 4.99 ดอลลาร์ต่อเดือน 12.99 ดอลลาร์ต่อเดือน
NordVPN Plus 4.39 ดอลลาร์ต่อเดือน 5.99 ดอลลาร์ต่อเดือน 3.99 ดอลลาร์ต่อเดือน
NordVPN Ultimate 6.39 ดอลลาร์ต่อเดือน 7.99 ดอลลาร์ต่อเดือน 15.99 ดอลลาร์ต่อเดือน
  • แพ็คเกจแบบ Standard – มาพร้อมกับฟีเจอร์บล็อกโฆษณา และป้องกันมัลแวร์
  • แพ็คเกจแบบ Plus – เป็นแผนมาตรฐานที่มีการใช้งานทุกอย่างรวมไว้แล้ว รวมถึงการจัดการรหัสผ่านและ ฟีเจอร์ป้องกันข้อมูลรั่วไหล
  • แพ็คเกจแบบ Ultimate – มีทุกอย่างที่ แพกเกจ แบบ Plus นี่ แต่เพิ่มพื้นที่จัดเก็บไฟล์ถึง 1TB และการเข้ารหัสไฟล์แบบ NordLocker

ทั้งนี้อีกหนึ่งสิ่งที่ดีของ Nord VPN คือ เจ้านี้ผู้ใช้งานสามารถยกเลิกแพ็คเกจและรับเงินคืนได้ภายใน 30 วันหลังจากสมัคร.

เหมาะสำหรับใคร?

Nord VPN คือ ให้บริการ VPN ระดับพรีเมี่ยม ที่โดดเด่นในด้านความปลอดภัย เนื่องจากมีเครื่องมือและฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ซึ่งเรียกได้ว่าครบเครื่องอย่างมากในเรื่องการรักษาความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ ซึ่งคุ้มค่าอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานเครื่องมือที่ช่วยให้สามารถท่องโลกออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น.

ข้อดี

  • มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ครอบคลุม
  • ความเร็วในการเชื่อมต่อที่ยอดเยี่ยม
  • เซิร์ฟเวอร์แบบ RAM-only
  • ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ที่หลากหลาย

ข้อเสีย

  • ไม่สามารถใช้งานแบบฟรีได้

Surfshark – VPN คุ้มค่าที่สุด ที่รองรับการเชื่อมต่อไม่จำกัดอุปกรณ์

Surfshark

เหมาะสำหรับ ควบคุมต้นทุน
เครือข่าย มากกว่า 3,200 เซิร์ฟเวอร์ ในกว่า 100 ประเทศ
ทำงานบน สามารถใช้งานได้บนWindows, Mac, iOS, Android, และ Linux
เชื่อมต่อได้สูงสุด 8 อุปกรณ์
ราคา เริ่มต้นที่ 6.67 ดอลลาร์ต่อเดือน

จุดเด่นที่น่าสนใจ

Surfshark เป็นหนึ่งใน VPN คือ ที่สุดในตลาด จากการเป็นผู้ให้บริการที่มีเครื่องมือการใช้งานที่ยอดเยี่ยมหลาย และเปิดให้มีการเชื่อมต่อพร้อมกันอย่างไม่จำกัด ในราคาที่เป็นมิตร จึงทำให้มันเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน

ฟีเจอร์สำคัญ

นอกเหนือจากฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยระดับสูงแล้ว Surfshark ยังมี kill switch ที่น่าเชื่อถือ โดยจากการทดสอบของเรา มันสามารถหยุดการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ทันทีเมื่อ VPN เกิดมีปัญหา

โดย Camouflage เธอเป็นฟีเจอร์ที่โดดเด่นอีกอย่างของ Surfshark เพราะมันเป็นเครื่องมือที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ VPN ได้โดยที่ไม่ถูกรับรู้จากแพลตฟอร์ม นอกจากนี้ Surfshark ยังมีฟีเจอร์อื่นๆเช่น split tunneling, P2P-friendly servers สำหรับ torrenting, MultiHop – การเชื่อมต่อ VPN แบบคู่เพื่อความปลอดภัยเพิ่มเติม, การปลอมตำแหน่ง GPS บน Android และฟีเจอร์หมุนเวียน IP

ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

Surfshark มีการเข้ารหัส AES-256 ที่ปลอดภัยสูงและโปรโตคอลการเชื่อมต่อ WireGuard ที่รวดเร็ว เพื่อที่จะรักษาความปลอดภัยไว้ในระดับสูงสุด ที่จะทำงานบนเซิร์ฟเวอร์แบบ RAM-only และมีนโยบายไม่เก็บบันทึกข้อมูลที่เข้มงวด ซึ่งได้รับการตรวจสอบอิสระโดย Deloitte บุคคลที่สามได้ยืนยันอย่างสม่ำเสมอว่าไม่มีการเก็บข้อมูลผู้ใช้

Surfshark ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกมากมายที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในโลกออนไลน์ของผู้ใช้งาน เครื่องมืออย่าง CleanWeb ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาเว็บไซต์ที่ปลอดภัยจากโฆษณาและมัลแวร์ ประกอบกับยังมีฟีเจอร์ alternative ID ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสร้างและใช้อีเมลผ่านบัญชีทางเลือกของตนเอง และยังมีโหมด NoBorder ที่รองรับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตทั่วโลกได้แม้อยู่ในพื้นที่ที่การใช้ VPN ถูกจำกัดหรือถูกควบคุม พร้อมกับเทคโนโลยี Nexus จะคอยหมุนเวียน IP Address ของผู้ใช้งานโดยอัตโนมัติในประเทศ VPN ที่เลือก

การปลดล็อกการเข้าถึงในแต่ละประเทศ

Surfshark เป็นเจ้าของเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 3,200 แห่งในกว่า 100 ประเทศทั่ว และด้วยเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่มีขนาดใหญ่นี่เอง ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึง Content ได้ทุกที่

ทั้งนี้จากการตรวจสอบของเรา จากการลองใช้ Streaming อย่าง Netflix, HBO Max, Hulu และอื่นๆ ผ่าน Surfshark ในหลายตำแหน่งทั่วโลก เช่นสหรัฐอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น พบว่าไม่มีปัญหาใดๆ และได้รับประสบการณ์การใช้งานที่น่าพอใจอย่างมาก

ศักยภาพ

จากการทดสอบการใช้งานในช่วงเดือนมกราคมปี 2024 เราได้พบว่า Surfshark มีศักยภาพที่สม่ำเสมอ โดยหากเฉลี่ยจากการใช้งาน โปรโตคอล VPN WireGuard พบว่าทางแพลตฟอร์มสามารถรักษาความเร็วในการดาวน์โหลดให้อยู่ไม่ต่ำกว่า 73.43% และความเร็วการอัปโหลดไม่ต่ำกว่า 79.82% ของความเร็วเดิม ทำให้มันกลายเป็นอีกหนึ่งในผู้ให้บริการ VPN คือ ที่เร็วที่สุดในตลาด

ราคา

โดยถึงแม้ Surfshark ก็เป็นอีกหนึ่งผู้ให้บริการด้าน VPN ที่อยู่ในระดับพรีเมี่ยม แต่ทางแพลตฟอร์มกับคิดค่าบริการในราคาที่ย่อมเยาที่สุดในตลาด ด้วยแพคเกจที่แตกต่างกัน 3 รูปแบบ โดยที่จะมอบสิทธิ์ในการใช้งานผ่านอุปกรณ์ไม่จำกัดจำนวน ไม่ว่าผู้ใช้งานจะเลือกแพคเกจใดก็ตาม

แพ็คเกจ 24 เดือน + ฟรี 3 เดือน 12 เดือน + ฟรี 3 เดือน 1 เดือน
Surfshark Starter 2.19 ดอลลาร์ต่อเดือน 2.79 ดอลลาร์ต่อเดือน 15.45 ดอลลาร์ต่อเดือน
Surfshark One 2.69 ดอลลาร์ต่อเดือน 3.19 ดอลลาร์ต่อเดือน 15.95 ดอลลาร์ต่อเดือน
Surfshark One+ 4.29 ดอลลาร์ต่อเดือน 5.09 ดอลลาร์ต่อเดือน 17.95 ดอลลาร์ต่อเดือน
  • Surfshark Starter – เป็นแพ็คเกจเริ่มต้นที่จะมาพร้อมกับฟีเจอร์ VPN, adblocker, และ alternative ID.
  • Surfshark One – เป็นแพ็คเกจที่เหนือจาก Package เริ่มต้น ที่จะมีการเพิ่มฟีเจอร์ antivirus, data breach alerts, และ CleanWeb.เข้ามา
  • Surfshark One+ – เป็นแพ็คเกจสูงสุด ที่ผู้ใช้งานจะได้รับเครื่องมือทุกอย่างจากแพ็คเกจ Surfshark One และได้ฟีเจอร์อย่าง Incogni data removal service Incogni เพิ่มไปด้วย

ทั้งนี้อีกหนึ่งสิ่งที่ดีของ Surfshark VPN คือ ผู้ใช้งานสามารถยกเลิกและขอเงินคืนได้หลังจากสมัครแพ็คเกจไปแล้วภายใน 30 วัน

เหมาะสำหรับใคร?

จากการที่ Surfshark มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่ยอดเยี่ยม ประกอบกับการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว ที่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้ไม่จำกัดจำนวน อีกทั้งยังมีค่าบริการที่เป็นมิตร ทำให้มันกลายเป็น 1 ในตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการใช้งานส่วนตัวหรือครอบครัว

ข้อดี

  • ความเร็ว VPN ที่ยอดเยี่ยม
  • ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ครอบคลุม
  • เซิร์ฟเวอร์แบบ RAM-only
  • การเชื่อมต่อพร้อมกันไม่จำกัด

ข้อเสีย

  • มีค่าบริการ
  • เป็นส่วนหนึ่งของ 14 Eyes

ExpressVPN – VPN ที่ปลอดภัยที่สุด ที่มีเซิร์ฟเวอร์ในกว่า 105 ประเทศ

ExpressVPN

เหมาะสำหรับ ด้านความปลอดภัย
เครือข่าย มากกว่า 3000 เซิร์ฟเวอร์ ในกว่า 105ประเทศ
ทำงานบน สามารถใช้งานได้บนWindows, Mac, iOS, Android, และ Linux
เชื่อมต่อได้สูงสุด ไม่จำกัด
ราคา เริ่มต้นที่ 2.19 ดอลลาร์ต่อเดือน

จุดเด่นที่น่าสนใจ

ExpressVPN ถือเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการที่เป็นที่รู้จักอย่างมากในอุตสาหกรรม VPN จากจุดเด่นด้านการเชื่อมต่อที่ทรงพลัง ประกอบกับฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือ ที่การันตีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานทั่วโลกออนไลน์ได้อย่างดี ด้วยตัวนโยบายการไม่จัดเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานและเครื่องมืออื่นๆอีกมากมาย ทำให้ ExpressVPN ติดอันดับ VPN ที่ดีที่สุดของเรา

ฟีเจอร์สำคัญ

ExpressVPN มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Kill Switch (Network Lock) ซึ่งผ่านการทดสอบการใช้งานมาแล้วอย่างดี อีกทั้งยังมีเครื่องมืออย่าง split tunneling, pre-installed Keys (ตัวจัดการรหัสผ่าน) และ Threat Manager ที่ช่วยบล็อกตัวติดตามและเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย

นอกจากนี้ ExpressVPN ยังมีแอปเล็ตสำหรับเราเตอร์ของตัวเองและฟีเจอร์ MediaStreamer ที่ช่วยความสะดวกให้ผู้ใช้งานสามารถสตรีมเนื้อหาบนอุปกรณ์ที่ปกติไม่สามารถใช้งานร่วมกับ VPN ได้

ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

ExpressVPN ไม่ได้ใช้โปรโตคอล WireGuard เหมือนกับผู้ให้บริการอื่นๆในตลาด แต่เลือกที่จะพัฒนา Lightway ซึ่งเป็นโปรโตคอลด้านความปลอดภัยของตนเองขึ้นมา ที่ใช้การเข้ารหัส AES-256 ซึ่งเป็นมาตรฐานของตลาดและมีความเร็วเท่ากับผู้ให้บริการอื่นๆในตลาด

การปลดล็อกการเข้าถึงในแต่ละประเทศ

ExpressVPN เป็นเจ้าของเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 3,000 เครื่องใน 105 ประเทศทั่วโลก ซึ่งถึงแม้จะว่ามีจำนวนน้อยกว่าผู้ให้บริการคู่แข่งอย่าง NordVPN ที่มีมากกว่า 6,000 เซิร์ฟเวอร์ แต่ Express VPN คือมีกรณีใช้งานที่ครอบคลุมมากกว่า โดยมีถึง 105 ประเทศ เมื่อเทียบกับ NordVPN ที่มีเพียง 61 ประเทศเท่านั้น

และจากการทดสอบการใช้งานผ่านเว็บไซต์สตรีมมิ่งยอดนิยม เช่น Netflix, Hulu, Disney+, HBO Max และอื่นๆ พบว่าไม่มีปัญหาใดๆที่เกิดขึ้นระหว่างการใช้งาน โดย ExpressVPN ยังสามารถเข้าถึงไลบรารีการสตรีมที่แตกต่างกันในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และอื่นๆ ได้

ศักยภาพ

จากการทดสอบทดสอบโปรโตคอล Lightway ของ ExpressVPN เมื่อเดือนมกราคมปี 2024 ทำให้พบปัญหาบางอย่างภายในแพลตฟอร์ม เนื่องด้วยตัวแพลตฟอร์มรักษาความเร็วที่เป็นค่าเริ่มต้นได้เพียง 49.91% สำหรับการดาวน์โหลด และ 52.55% สำหรับการอัพโหลด ยังมีความเร็วที่ไม่สม่ำเสมอในตำแหน่งที่ต่างกัน โดยในบางที่อาจรักษาความเร็วได้มากกว่า 75% ในขณะที่ตำแหน่งอื่นๆอาจมีตัวเลขหรือเพียง 36% เท่านั้นในบางครั้ง

ราคา

การคิดราคาของ Express VPN คือ มีการแถมระยะเวลาการใช้งานเพิ่มเติมหาผู้ใช้งานซื้อแพคเกจแบบระยะยาวที่ 2 ปีขึ้นไป หรือจะลองใช้ก่อน 1 เดือนด้วย 1 ราคา 12.95 ดอลลาร์

แพ็คเกจ 24 เดือน + ฟรี 3 เดือน 6 เดือน 1 เดือน
ExpressVPN 6.67 ดอลลาร์ต่อเดือน 9.99 ดอลลาร์ต่อเดือน 12.95 ดอลลาร์ต่อเดือน

โดยอีกหนึ่งสิ่งที่ดีของ Express VPN คือ การ ให้ผู้ใช้งานสามารถทดลองใช้ VPN บนสมาร์ทโฟน ระบบ Android และ iOS ได้ฟรีถึง 7 วัน และสามารถยกเลิกแพ็คเกจและกองเงินคืนได้ภายใน 30 วันหลังจากสมัคร

เหมาะสำหรับใคร?

ExpressVPN ผู้ให้บริการ VPN ที่มีจุดเด่นทางด้านความปลอดภัย อีกทั้งยังมีเครื่องมือสนับสนุนอีกมากมาย ที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมและการสตรีมอย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัว

ข้อดี

  • ไม่บันทึกข้อมูล
  • ใช้งานได้ในหลายพื้นที่
  • ไม่มีการรั่วไหลของ IP
  • มีpre-installed Keys และ Threat Manager ให้ใช้ฟรี

ข้อเสีย

  • สามารถทดลองใช้ฟรีได้แค่บนสมาร์ทโฟน
  • จำกัดการใช้งานที่ 8 อุปกรณ์
  • อยู่ภายใต้ Kape Technologies

PureVPN – VPN ที่เร็วที่สุด มีเซิร์ฟเวอร์ความเร็วถึง 20Gbps

PureVPN

เหมาะสำหรับ ความเร็วในการเชื่อมต่อ
เครือข่าย มากกว่า 6000 เซิร์ฟเวอร์ ในกว่า 65 ประเทศ
ทำงานบน สามารถใช้งานได้บนWindows, Mac, iOS, Android, และ Linux
เชื่อมต่อได้สูงสุด 10 อุปกรณ์
ราคา เริ่มต้นที่ 2.14 ดอลลาร์ต่อเดือน

จุดเด่นที่น่าสนใจ

จุดเด่นของ Pure VPN คือ การมีฟีเจอร์เด่นที่น่าสนใจมากมาย ประกอบกับมีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 6,000 แห่งในมากกว่า 65 ประเทศ และให้บริการ IP Address มากกว่า 300,000 Address เพื่อรับประกันความเป็นส่วนตัว

ฟีเจอร์สำคัญ

PureVPN สามารถใช้ VPN เชื่อมต่อกับบอุปกรณ์ได้พร้อมกันสูงสุดถึง 10 เครื่อง โดยใช้ได้ทั้งกับ PC, Mac และได้ทั้งสมาร์ทโฟนที่มีระบบปฏิบัติการ iOS, Android และ Linux อีกทั้งยังใช้ได้กับส่วนขยายสำหรับ Google Chrome และ Firefox รวมถึงยังสนับสนุนการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เราเตอร์, Android TV, Kodi และ Amazon Firestick

ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

PureVPN เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการ VPN คือที่เป็นไม่กี่รายที่นำเสนอการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบ Peer-to-Peer (P2P) ซึ่งรวมอยู่ในแอพสำหรับแต่ละแพลตฟอร์มหลัก

โดย PureVPN จะให้ IP เสมือนสำหรับการรับส่งข้อมูลแบบ P2P ที่รักษาความลับของตัวตนของผู้ใช้งาน จากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต เนื่องจากไฟล์ที่แชร์กับผู้ใช้งานจะผ่าน IP ที่ VPN ให้มาแทนที่จะเป็นที่ Address ของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ซึ่งทำให้ง่ายต่อการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดของประเทศ และหลีกเลี่ยงการควบคุมแบนด์วิดธ์ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยของคุณในขณะดาวน์โหลดไฟล์ผ่านเครือข่าย P2P ด้วยการเข้ารหัสแบบ AES 256-bit

การปลดล็อกการเข้าถึงในแต่ละประเทศ

PureVPN มีเซิร์ฟเวอร์ 6,000 เครื่องในกว่า 65 ประเทศและให้บริการ IP Address มากกว่า 300,000 Address

ศักยภาพ

ในด้านของความเร็ว PureVPN เป็นบริการ VPN ที่พร้อมรับมือกับอนาคต ด้วยเซิร์ฟเวอร์ 20Gbps ในหลายตำแหน่ง เซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดในฝรั่งเศส เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์พร้อมสำหรับความก้าวหน้าของเทคโนโลยี 5G และความเร็วไฮเปอร์โซนิก รวมถึงเซิร์ฟเวอร์ในลอสแอนเจลิส ไมอามี แอตแลนตา ฟีนิกซ์ และซอลต์เลคซิตี้ สหรัฐอเมริกา

นอกเหนือจากการเชื่อมต่อที่ยอดเยี่ยมแล้ว PureVPN ยังรักษาความปลอดภัยของคุณด้วยการป้องกันการรั่วไหลของ DNS และ IP, Internet Kill Switch (IKS) และนโยบายไม่เก็บบันทึกข้อมูล

ราคา

สำหรับแพ็คเกจสมาชิก 24 เดือน ในราคา 2.14 ดอลลาร์/เดือน ผู้ใช้งานจะได้รับเวลาการใช้งานเพิ่มอีก 4 เดือนโดยไม่ต้องเสียค่าใช่จ่ายเพิ่มเติม

แพ็คเกจ 24 เดือน + ฟรี 3 เดือน 12 เดือน 1 เดือน
Standard 2.14 ดอลลาร์ต่อเดือน 3.99 ดอลลาร์ต่อเดือน 12.95 ดอลลาร์ต่อเดือน
Plus 3.33 ดอลลาร์ต่อเดือน 5.82 ดอลลาร์ต่อเดือน 15.95 ดอลลาร์ต่อเดือน
Max 4.07 ดอลลาร์ต่อเดือน 7.07 ดอลลาร์ต่อเดือน 19.95 ดอลลาร์ต่อเดือน

ทั้งนี้อีกหนึ่งสิ่งที่ดีของ Pure VPN คือ บริการทดลองใช้ฟรี และสามารถเรียกเงินคืนได้ภายใน 31 วัน

เหมาะสำหรับใคร?

PureVPN เหมาะสำหรับผู้ใช้งาน Stream, Torrenting, หรือการหลีกเลี่ยงข้อกำหนดการเข้าถึงในประเทศ ด้วยเครือข่ายที่กว้างขวาง ประกอบกับไลบรารี IP ขนาดใหญ่ และเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการปรับแต่ง ทำให้รับรองว่าผู้ใช้งานจะได้รับประสบการณ์ที่ดีแน่นอน

ข้อดี

  • ราคาถูก
  • อินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย
  • มีส่วนต่อขยายที่ราคาถูก
  • มีการตรวจสอบแบบ Real Time

ข้อเสีย

  • การใช้งานบนอุปกรณ์ระบบ Android และ iOS อาจขาดฟีเจอร์สำคัญบางอย่าง
  • มีเซิร์ฟเวอร์ในเพียง 65 ประเทศ
  • ความเร็วไม่คงที่

TotalVPN – VPN แรงๆ ที่เหมาะสำหรับการท่องเว็บ ด้วยฟีเจอร์ป้องกันมัลแวร์

TotalVPN

เหมาะสำหรับ ท่องโลกออนไลน์
เครือข่าย มากกว่า 50 เซิร์ฟเวอร์ ในกว่า 30 ประเทศ
ทำงานบน สามารถใช้งานได้บนWindows, Mac, iOS, Android, และ Linux
เชื่อมต่อได้สูงสุด 50 อุปกรณ์
ราคา เริ่มต้นที่ 2.41 ดอลลาร์ต่อเดือน

จุดเด่นที่น่าสนใจ

Total VPN คือผู้ให้บริการ VPN ที่มีจุดเด่นในด้านการใช้งานสำหรับการท่องเว็บออนไลน์ เนื่องจากทางแพลตฟอร์มได้ผสมผสานการป้องกันไวรัสรวมถึงบริการ VPN ที่ยอดเยี่ยม เพื่อมอบประสบการณ์การท่องโลกออนไลน์ชื่อราบรื่นและปลอดภัย และมีผลกระทบต่อความเร็วในการเชื่อมต่อน้อยที่สุด

ฟีเจอร์สำคัญ

TotalVPN มีจุดเด่นด้านซอฟต์แวร์การป้องกันไวรัสที่สามารถตรวจจับภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ในขณะออนไลน์ อีกทั้งยังมีระบบป้องกันมัลแวร์และการฟิชชิ่ง

โดย TotalVPN ยังมีฟีเจอร์ WebShield ซึ่งจะช่วยบล็อก URL ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ หรือ URL ที่แอบแฝงการฝึกเก็บโตโดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังมี ฟีเจอร์ Smart Scan ให้ผู้ใช้งานสามารถตั้งเวลาในการจัดการสแกนมัลแวร์ คุกกี้ และไฟล์ขยะต่างๆระหว่างการท่องเว็บได้โดยอัตโนมัติ เพื่อตรวจสอบความเป็นส่วนตัวรวมถึงความปลอดภัยได้อย่างง่ายดาย ทั้งนี้ซอฟต์แวร์ดังกล่าวยังสามารถป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลที่อาจถูกนำไปใช้อย่างเสียหายได้ อย่างเช่นรายละเอียดบัตรเครดิต หรือหมายเลขประกันสังคม

นอกจากนี้ TotalVPN ยังมีเครื่องมือ System Tune-up ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของอุปกรณ์ของผู้ใช้งานโดยการไฟล์ขยะ และช่วยจัดการคุกกี้รวมถึงประวัติการท่องเว็บ

ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

ระบบการเข้ารหัสที่ TotalVPN เลือกใช้คือ AES-256 อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ Kill switch feature ที่ช่วยป้องกันการรั่วไหลของ IP Address ผู้ใช้

นอกจากนี้ ตัว VPN ของ TotalVPN ยังรองรับโปรโตคอลได้หลายแบบ ซึ่งรวมถึง OpenVPN และ IKEv2 แต่อาจไม่มีการรองรับ WireGuard ซึ่งเป็นโปรโตคอลที่ผู้ให้บริการ VPN ส่วนใหญ่ในตลาดเลือกใช้

ทั้งนี้ TotalVPN มีฐานปฏิบัติการหลักอยู่ที่สหราชอาณาจักร ซึ่งถึงแม้จะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงาน Five Eyes แต่ทางบริษัทก็มีนโยบายในการไม่เก็บบันทึกข้อมูลของผู้ใช้งานที่เคร่งครัด แต่อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวยังไม่ได้ถูกตรวจสอบจากองค์กรอิสระแต่ยังไง

นอกจากนี้ TotalVPN ยังมีระบบป้องกันการรั่วไหลของ DNS และ WebRTC เพื่อให้มั่นใจว่า IP Address จริงของผู้ใช้งานจะถูกซ่อนเอาไว้ในระหว่างการออนไลน์

การปลดล็อกการเข้าถึงในแต่ละประเทศ

TotalVPN มีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 50 เครื่องใน 30 กว่าประเทศ ซึ่งเรียกได้ว่าควบคุมการใช้งานทั่วโลกได้ในระดับปานกลาง และอาจมีขนาดเล็กกว่าผู้ให้บริการคู่แข่งบางราย แต่ก็ยังถือเป็นตัวเลือกที่เพียงพอสำหรับความต้องการในการก้าวข้ามข้อจำกัดการใช้งานในพื้นที่

โดย TotalVPN ยังสามารถปลดล็อคการเข้าถึง แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งหลักอย่าง Netflix, Amazon Prime และ Disney+ ได้ แต่ยังไม่สามารถใช้งานได้ในประเทศที่มีการจำกัดการใช้นั่นแหละอย่างเข้มงวดอย่างเช่นประเทศซาอุดิอาระเบียและจีน

ศักยภาพ

จากการทดสอบของเรา พบว่า TotalVPN สามารถรักษาระดับการทำความเร็วในการดาวน์โหลดได้เพียง 30% จากความเร็วเริ่มต้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสามารถใช้งานการสตรีมที่มีความชัดแบบ HD และท่องเว็บปกติได้อย่างราบรื่น

สำหรับความเร็วในการอัพโหลด เราพบว่า TotalVPN สูญเสียความเร็วในการอัพโหลดไปถึง 62% ถึง 70% จากค่าเริ่มต้น ซึ่งอาจเป็นปัญหาสำหรับผู้ที่ต้องการแชร์ไฟล์ขนาดใหญ่หรือการใช้ Video Call

ราคา

สำหรับแพ็คเกจบริการ TotalVPN จะไม่เปิดให้ใช้งานฟรี และมีแผนบริการเพียงแผนเดียวเท่านั้น ด้วยราคา 29 ดอลลาร์ในปีแรก โดยแผนนี้จะรวมทั้งฟังชั่นการป้องกันไวรัสและฟีเจอร์ Total Adblock ผู้ใช้งาน ในขณะที่สามารถขอเงินคืนได้ภายใน 30 วันจะสมัคร

เหมาะสำหรับใคร?

TotalVPN เหมาะกับผู้ที่ต้องการ ใช้ VPN แรงๆ ในการท่องเว็บทั่วไป หรือใช้เครื่องมือในการป้องกันไวรัส ในราคาที่ไม่แพงและใช้งานง่าย

ข้อดี

  • มีเครื่องมือช่วยป้องกันไวรัสรวมถึงบล็อกโฆษณา
  • สามารถป้องกันมัลแวร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ใช้งานง่าย
  • ราคาถูก

ข้อเสีย

  • มีจำนวนเครือข่ายที่จำกัด
  • ค่าใช้จ่ายในการต่ออายุที่สูง

IvacyVPN – VPN ที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานในระยะยาว

IvacyVPN

เหมาะสำหรับ ใช้งานระยะยาว
เครือข่าย มากกว่า 5,700 เซิร์ฟเวอร์ ในกว่า 70 ประเทศ
ทำงานบน สามารถใช้งานได้บนWindows, Mac, iOS, Android, และ Linux
เชื่อมต่อได้สูงสุด 10 อุปกรณ์
ราคา เริ่มต้นที่ 1.17 ดอลลาร์ต่อเดือน

จุดเด่นที่น่าสนใจ

Ivacy ถือเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ VPN ในระยะยาว เนื่องจากค่าบริการที่ไม่แพงแล้วประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอ

ฟีเจอร์สำคัญ

Ivacy มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่าง split tunneling ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานแอพต่างๆได้ผ่าน VPN tunnel ในขณะที่ยังมีฟีเจอร์ Secure Download ช่วยสแกนหามัลแวร์แบบเรียลไทม์ในไฟล์ที่ดาวน์โหลด

ในด้านฟังก์ชันเสริมของ Ivacy ก็มีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าถึงบริการต่างๆในโลกออนไลน์ โดยหลีกเลี่ยง captcha และรักษาการเข้าถึงบริการที่จำกัด IP ได้

นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน Multi-port ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่ากำลังเชื่อมต่ออย่างปลอดภัยแม้อยู่ในสภาพ อีกทั้งยังเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่เหมาะสำหรับใช้งานในด้านการสตรีม และการดาวน์โหลดที่ปลอดภัย

ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

Ivacy มีการรองรับโปรโตคอลด้านความปลอดภัยหลายแบบ รวมถึงโปรโตคอล WireGuard ที่มีจุดเด่นในด้านความเร็วและความน่าเชื่อถือ และความน่าเชื่อถือ ถ้ายังมีการเข้ารหัส AES 256-bit เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้งานจะไม่สามารถถูกถอดรหัสได้โดยไม่ได้รับอนุญาต

Ivacy ยังมีระบบการป้องกันการรั่วไหลของ IPv6 และการป้องกันการรั่วไหลของ DNS เพื่อป้องกันการรถไหลของข้อมูลอย่างการเปิดเผย IP Address จริงของผู้ใช้งาน

โดย Ivacy เกิดวันพุธให้บริการ VPN ที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งถึงแม้จะยังมีจุดอ่อนในด้านความเป็นส่วนตัว แต่บริษัทก็มีนโยบายไม่เก็บบันทึกข้อมูลอย่างเคร่งครัด ที่จะรับประกันได้ว่าจะไม่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลของผู้ใช้งาน ถึงแม้จะยังไม่ได้รับการตรวจสอบจากองค์กรหรือบุคคลที่ 3 ก็ตาม

การปลดล็อกการเข้าถึงในแต่ละประเทศ

Ivacy เซิร์ฟเวอร์มากกว่า 5,700 เครื่องใน 65 ประเทศ โดยจะเด่นของ VPN คือจะสามารถปลดล็อคการเข้าถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งยอดนิยมอย่าง Netflix US, BBC iPlayer และ YouTube ผ่านเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการปรับแต่งมาสำหรับการสตรีมมิ่งโดยเฉพาะ แม้ว่าประสิทธิภาพของมันอาจขึ้นอยู่กับจำนวนการดาวน์โหลดของเซิร์ฟเวอร์และระยะทาง

อย่างไรก็ตาม Ivacy ถือเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการ VPN ไม่กี่เจ้าที่สามารถใช้งานได้ดีในประเทศจีน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่เดินทางไปยังภูมิภาคหรือประเทศที่มีข้อจำกัดในการใช้อินเตอร์เน็ตอย่างเข้มงวด

ศักยภาพ

ศักยภาพในการทำงานของ Ivacy VPN คือมันจะแตกต่างออกไปขึ้นอยู่กับตำแหน่งของเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้งาน โดยจากการทดสอบของเราจากการใช้เซิร์ฟเวอร์ VPN ของ Ivacy ในแต่ละแห่ง พบว่ามีการทำความเร็วที่ลดลงอย่างมีเนื้อสำคัญ โดยเซิร์ฟเวอร์ในประเทศแคนสามารถรักษาความเร็วอินเตอร์เน็ตให้ไม่ต่ำกว่า 50% จากความเร็วเริ่มต้น ในขณะที่เซิร์ฟเวอร์สามารถรักษาความเร็วได้เหลือเพียง 38% จากความเร็วเบื้องต้น

และจากการทดสอบพบว่าเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกามีการลดลงของความเร็วที่มากที่สุด โดยความเร็วและลดลงเหลือเพียง 11% จากความเร็วพื้นฐานในขณะที่ความเร็วในการอัพโหลดก็ไม่สม่ำเสมอเช่นเดียวกัน

ราคา

Ivacy VPN ได้เสนอแพ็คเกจให้บริการที่น่าสนใจอย่างมาก โดยผู้ใช้งานสามารถจ่ายได้ถูกที่สุดเพียง 1.17 ดอลลาร์ต่อเดือน หากสมัครแพ็คเกจแบบ 5 ปี

แพ็คเกจ 5 ปี 1 ปี 1 เดือน
IvacyVPN 1.17 ดอลลาร์ต่อเดือน 3.99 ดอลลาร์ต่อเดือน 10.45 ดอลลาร์ต่อเดือน

ทั้งนี้พบว่าการเลือกใช้แผ่นระยะยาวถือเป็นทางเลือกที่ดีกว่า หากเปรียบเทียบกับราคาที่จ่ายแต่ละเดือนกับคุณภาพหรือมาตรฐานที่จะได้รับในการใช้งาน

ถึงแม้ Ivacy จะมีการเสนอบริการ VPN แบบฟรีให้ผู้ใช้งานได้ใช้แบบมีการจำกัดฟีเจอร์บางอย่าง แต่จะไม่มีการให้ทดลองใช้แพ็คเกจแบบพรีเมี่ยมหรือฟีเจอร์เสริมใดๆ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานที่สมัครแพ็คเกจแบบพรีเมี่ยมไปแล้วสามารถเรียกเงินคืนได้ภายใน 30 วัน หลังการสมัคร

เหมาะสำหรับใคร?

Ivacy VPN เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีข้อจำกัดในด้านงบประมาณ ซึ่งต้องการใช้งาน VPN ในระยะยาวที่มีประสิทธิภาพและฟีเจอร์ความปลอดภัยที่จำเป็น

ข้อดี

  • มีแผนระยะยาวที่ราคาไม่แพง
  • มีประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอ
  • สามารถปลดบล็อกแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง
  • รองรับการชำระเงินแบบไม่เปิดเผยตัวตน

ข้อเสีย

  • ไม่มี kill switch สำหรับ Mac และ iOS
  • ตั้งอยู่ในประเทศ Fourteen Eyes
  • ปัญหาด้านความเร็วสำหรับเซิร์ฟเวอร์ในพื้นที่ที่ต่างกัน

IPVanish – VPN ตัวโดนสำหรับใช้งานบนสมาร์ทโฟน

IPVanish

เหมาะสำหรับ ใช้งานบน Smartphone
เครือข่าย มากกว่า 2,400 เซิร์ฟเวอร์ ในกว่า 50 ประเทศ
ทำงานบน สามารถใช้งานได้บนWindows, Mac, iOS, Android
เชื่อมต่อได้สูงสุด ไม่จำกัด
ราคา เริ่มต้นที่ 2.19 ดอลลาร์ต่อเดือน

จุดเด่นที่น่าสนใจ

IPVanish VPN คือ เป็นผู้ให้บริการ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้งานบนสมาร์ทโฟน จากจุดเด่นของแอปที่สามารถเชื่อมต่อพร้อมกันได้ไม่จำกัด และให้ผู้ใช้งานสามารถปลดล็อคเนื้อหาที่ถูกจำกัดในพื้นที่ด้านๆได้

ฟีเจอร์สำคัญ

IPVanish มีฟีเจอร์ที่ถูกปรับแต่งมาให้สำหรับผู้ใช้งานคนสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อ VPN โดยอัตโนมัติเมื่อเริ่มต้นการทำงาน หรือการเปิดระบบป้องกันทันทีเมื่อผู้ใช้งานเริ่มเปิดอุปกรณ์ นอกจากนี้ยังมี ฟีเจอร์ On-Demand สำหรับการเปิดใช้ VPN โดยอัตโนมัติทุกครั้งเมื่อผู้ใช้งานเข้าเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีการสลับเครือข่าย WiFi อยู่บ่อยๆ

โดย IPVanish ยังมีฟังก์ชัน Split tunneling ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถดัดแปลงการเชื่อมต่อ VPN และกำหนดเส้นทางสำหรับแอปที่ต้องการจะใช้งานได้โดยเฉพาะ

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Obfuscation สำหรับการปลอมแปลงการใช้งาน VPN ให้เหมือนกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วไป เพื่อช่วยหลีกเลี่ยงข้อจำกัดการเข้าถึงในแต่ละพื้นที่ อย่างเช่นในประเทศจีน

สำหรับผู้ใช้ระบบ iOS แล้ว IPVanish ยังสามารถทำงานได้ผ่าน Siri Shortcuts เพื่อให้ผู้ใช้งานสมาชิกต่อ VPN ได้อย่างรวดเร็วผ่านคำสั่งเสียง

ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

IPVanish ใช้ระบบการเข้ารหัสแบบ AES-256 โดยมีโปรโตคอลให้ใช้งานมากมายไม่ว่าจะเป็น OpenVPN, WireGuard, หรือ IKEv2 ซึ่งเหมาะต่อการใช้งานบนสมาร์ทโฟนเป็นพิเศษ

ทั้งนี้แม้ IPVanish มีฐานปฏิบัติการหลักอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นพันธมิตรภายใต้ Five Eyes แต่บริษัทยังคงรักษานโยบายไม่เก็บบันทึกข้อมูลอย่างเคร่งครัด โดยผ่านการตรวจสอบจากองค์กรอิสระแล้วเรียบร้อย

การปลดล็อกการเข้าถึงในแต่ละประเทศ

IPVanish มีเครือข่ายด้วยเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 2,200 เครื่องใน 75 ประเทศ ผู้จัดการทดลองใช้งานของเรา พบว่าสามารถปลดล็อคและใช้งานแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง Netflix, BBC iPlayer, YouTube TV และ Disney+ บนสมาร์ทโฟนได้ แต่ยังไม่มีความเสถียรในการปลดล็อคแพลตฟอร์มอย่าง Amazon Prime Video และ Hulu

แต่ยังไงก็ตาม IPVanish งั้นเหมาะสำหรับเหล่าเกมเมอร์อย่างมาก เนื่องจากมี เซิร์ฟเวอร์ที่ปรับแต่งพิเศษซึ่งช่วยลดความหน่วง ที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ

ศักยภาพ

จากการทดสอบด้านประสิทธิภาพ ด้วยการใช้งานโปรโตคอล WireGuard เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์สหรัฐฯ พบว่า IPVanish สามารถรักษาความเร็วพื้นฐานไว้ได้ประมาณ 75% ทั้งจากการดาวน์โหลดและการอัพโหลด ในขณะที่เซิร์ฟเวอร์ของฝั่งราชอาณาจักรมีการทำงานที่รวดเร็วกว่า โดยสามารถรักษาความเร็วในการดาวน์โหลดได้ถึง 79% และ 82% สำหรับการอัพโหลด ด้วยเหตุนี้เองทำให้ IPVanish ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งาน VPN บนสมาร์ทโฟน

ราคา

IPVanish มีแผนการใช้งานให้กับผู้ใช้งานทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว

แพ็คเกจ 24 เดือน 12 เดือน 1 เดือน
IPVanish 2.19 ดอลลาร์ต่อเดือน 2.79 ดอลลาร์ต่อเดือน 1.99 ดอลลาร์ต่อเดือน

โดยทุกแผนการใช้งานจะมาพร้อมกับฟีเจอร์การเชื่อมต่อพร้อมกันได้ไม่จำกัดอุปกรณ์ ซึ่งกลายเป็นจุดเด่นอย่างมากของ IPVanish เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ให้บริการอื่นในตลาด

โดยยังมีแผนทดลองการใช้งานฟรีถึง 7 วันบนอุปกรณ์ iOS และ Android รวมถึงผู้ใช้งานยังสามารถยกเลิกและขอรับเงินคืนได้ภายใน 30 วัน

เหมาะสำหรับใคร?

จากการเชื่อมต่อแบบไม่จำกัดจำนวนอุปกรณ์ของ IPVanish จึงทำให้มันเหมาะที่จะถูกใช้งานโดยบุคคลหรือครอบครัวที่ต้องการเพิ่มความปลอดภัยของสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตหลายเครื่อง โดยไม่ลดทอนความเร็ว

ข้อดี

  • การเชื่อมต่อพร้อมกันได้อย่างไม่จำกัด
  • ฟีเจอร์ที่ปรับแต่งให้เหมาะกับการใช้งานบนสมาร์ทโฟน
  • ใช้งานได้ดีบนสมาร์ทโฟน

ข้อเสีย

  • มีฐานดำเนินการอยู่ในสหรัฐอเมริกา
  • และความเสถียรสำหรับการใช้งานแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งบางราย
  • ไม่สามารถเลือก IP Address ได้แบบเฉพาะเจาะจง

PrivadoVPN – VPN ใช้งานง่าย ที่เหมาะสำหรับมือใหม่

PrivadoVPN

เหมาะสำหรับ มือใหม่
เครือข่าย มากกว่า 300 เซิร์ฟเวอร์ ในกว่า 49 ประเทศ
ทำงานบน สามารถใช้งานได้บนWindows, Mac, iOS, Android, และ Linux
เชื่อมต่อได้สูงสุด 10 อุปกรณ์
ราคา เริ่มต้นที่ 1.99 ดอลลาร์ต่อเดือน

จุดเด่นที่น่าสนใจ

PrivadoVPN เป็นผู้ให้บริการ VPN ที่น่าสนใจมากที่สุดสำหรับมือใหม่ ด้วยอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ทั้งการตั้งค่าและราคาที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย จึงทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่กำลังเริ่มใช้ vps

ฟีเจอร์สำคัญ

ในทุกแพลตฟอร์มของ PrivadoVPN ไม่ว่าจะเป็น Windows, macOS, iOS และ Android จะมีอินเทอร์เฟซการใช้งานที่เป็นมิตรกับมือใหม่อย่างมาก ทำให้ง่ายต่อผู้ใช้งานสำหรับทุกอุปกรณ์

PrivadoVPN มีระบบการเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่จะใช้งานโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะวิเคราะห์จากสภาพเครือข่ายเพื่อการเชื่อมต่อที่เหมาะสมที่สุดตามตำแหน่งของผู้ใช้งาน ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับการป้องกันทุกครั้งที่มีการใช้งานอินเตอร์เน็ต และยังเหมาะสำหรับผู้ที่อาจลืมเปิดการใช้งาน VPN ด้วยตนเอง

PrivadoVPN ยังมีระบบ split tunneling หรือ ‘SmartRoute’ ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกแอปเฉพาะสำหรับการเชื่อมต่อ VPN ได้อย่างสะดวก

นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่น Control Tower ที่ช่วยป้องกันความปลอดภัยได้อย่างครอบคลุม และช่วยบล็อกโฆษณารวมถึงป้องกันภัยคุกคามออนไลน์

ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

PrivadoVPN ใช้ระบบการเข้ารหัสแบบ AES-256 ตามมาตรฐานของอุตสาหกรรม รวมถึงยังมีระบบ kill switch ที่ยอดเยี่ยมเพื่อป้องกันความปลอดภัย โดยมีโปรโตคอลให้เลือกใช้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นโปรโตคอลชั้นนำอย่าง OpenVPN, IKEv2 หรือ WireGuard ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถกำหนดความปลอดภัยและความเร็วใต้ด้วยตนเอง หลังจากเข้าใจวิธีการใช้งาน VPN มากขึ้น

ทั้งนี้ PrivadoVPN ดำเนินการอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีชื่อเสียงในด้านการรักษาความเป็นส่วนตัว อีกทั้งตัวบริษัทยังมีนโยบายในการไม่เก็บบันทึกข้อมูลของผู้ใช้งานอย่างเคร่งครัด และได้รับการตรวจสอบอย่างอิสระจากกลุ่มคนที่ 3

PrivadoVPN มีระบบช่วยป้องกันการรั่วไหลของ DNS รวมถึงช่วยเลือกเซิร์ฟเวอร์ DNS ที่ปลอดภัยเวลาใช้งาน และยังมีฟีเจอร์ Proxy SOCKS5 ที่เป็นประโยชน์สำหรับกิจกรรมแบบ P2P

การปลดล็อกการเข้าถึงในแต่ละประเทศ

PrivadoVPN มีเซิร์ฟเวอร์ปฏิบัติการมากกว่า 300 แห่งใน 49 ประเทศ ซึ่งถึงแม้ว่ามันอาจดูน้อยหากเปรียบเทียบกับผู้ให้บริการอื่นๆ แต่ก็ให้ความครอบคลุมที่เพียงพอต่อการใช้งานของมือใหม่ส่วนใหญ่ ด้วย PrivadoVPN ยังสามารถใช้งานเพื่อเข้าถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง Netflix, HBO Max และ Disney+ ได้อีกด้วย แต่อาจมีปัญหาในการเข้าถึงแพลตฟอร์มอย่าง Hulu, BBC iPlayer และ Amazon Prime Video อยู่บ้าน

นอกจากนี้ เซิร์ฟเวอร์ของ PrivadoVPN เลี้ยงถูกปรับแต่งให้เหมาะสมสำหรับกิจกรรม P2P และการสตรีมโดยเฉพาะ อีกทั้งยังสามารถทำงานได้ในพื้นที่หรือประเทศที่จำกัดการเข้าถึงอย่างจีน

ศักยภาพ

สำหรับมือใหม่ PrivadoVPN ถือเป็นผู้ให้บริการที่มีศักยภาพในการใช้งานที่ยอดเยี่ยมจากความเร็วและความน่าเชื่อถือ

ทั้งนี้จากการทดสอบของเราผ่านการเลือกใช้โปรโตคอล OpenVPN และ WireGuard พบว่าโปรโตคอล OpenVPN ทำความเร็วได้ 12-13% ของความเร็วพื้นฐาน ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะเพียงพอสำหรับการท่องเว็บและการสตรีมเบื้องต้น ถือว่ายังด้อยกว่าผู้ให้บริการชั้นนำอื่นๆอยู่มาก ในขณะที่การใช้งานโปรโตคอล WireGuard สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยมีความเร็วอยู่ที่ 60-72% ของความเร็วพื้นฐาน

ราคา

PrivadoVPN มี 3 แพ็คเกจ ให้ผู้ใช้งานให้เลือกใช้กัน ได้แก่

แพ็คเกจ 24 เดือน + ฟรี 3 เดือน 12 เดือน + ฟรี 3 เดือน 1 เดือน
PrivadoVPN 1.99 ดอลลาร์ต่อเดือน 2.99 ดอลลาร์ต่อเดือน 10.99 ดอลลาร์ต่อเดือน

ทั้งนี้ทุกแพ็คเกจจะได้รับฟีเจอร์ที่เหมือน โดยแพ็คเกจที่นานกว่าจะได้รับส่วนลดที่มากกว่า นอกจากนี้ PrivadoVPN ยังเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถใช้เวอร์ชั่นฟรีได้10 GB ต่อเดือน ผ่านเซิร์ฟเวอร์ 12 แห่ง ซึ่งเหมาะอย่างมากสำหรับผู้ต้องการทดลองใช้งาน

ในขณะที่ผู้ซื้อแพ็คเกจสามารถยกเลิกและรับเงินคืนได้ภายใน 30 วันหลังการสมัคร

เหมาะสำหรับใคร?

PrivadoVPN เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นใช้งาน VPN รวมถึงผู้ที่ต้องการใช้บริการในราคาที่ไม่แพง ใช้งานง่าย

ข้อดี

  • ใช้งานง่าย
  • ราคาถูก
  • มีเวอร์ชั่นฟรี
  • เซิร์ฟเวอร์ที่ถูกปรับแต่งสำหรับการสตรีมและกิจกรรม P2P

ข้อเสีย

  • เครือข่ายเล็ก
  • นโยบายไม่เก็บข้อมูลผู้ใช้งานยังไม่ถูกตรวจสอบจากองค์กรอิสระ

CyberGhost – VPN ที่ดีที่สุดสำหรับการเล่นสตรีม ด้วยเซิร์ฟเวอร์กว่า 11,700 แห่ง

CyberGhost

เหมาะสำหรับ สตรีมมิ่ง
เครือข่าย มากกว่า 11,700 เซิร์ฟเวอร์ ในกว่า 100 ประเทศ
ทำงานบน สามารถใช้งานได้บนWindows, Mac, iOS, Android, และ Linux
เชื่อมต่อได้สูงสุด 7 อุปกรณ์
ราคา เริ่มต้นที่ 2.19 ดอลลาร์ต่อเดือน

จุดเด่นที่น่าสนใจ

CyberGhost เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหา VPN ที่น่าเชื่อถือ ที่สามารถรักษาความปลอดภัยข้อมูลของคุณ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์มากมายพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

ฟีเจอร์สำคัญ

CyberGhost ในฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นระบบ kill switch อัตโนมัติ, ฟีเจอร์บล็อกโฆษณา และการใช้ IP Address ที่กำหนดเองได้ โดยทางเราได้ทำการทดสอบระบบเหล่านี้แล้วและไม่พบปัญหาใดๆ

นอกจากนี้ CyberGhost ผู้ใช้งานยังสามารถเลือกประเภทของเซิร์ฟเวอร์ได้หลายประเภทเพื่อเหมาะสมต่อสภาพการใช้งานส่วนบุคคล อีกทั้งยังมีบริการ Smart Rules ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถกำหนดค่า VPN ได้ตามความต้องการ อย่างการเลือกเว็บไซต์หรือแอปที่ที่ต้องการใช้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อ VPN และสามารถตั้งค่าการใช้งาน VPN โดยอัตโนมัติสำหรับเว็บไซต์หรือแอปที่ต้องการ

ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

สิ่งที่ทำให้มันต่างจากผู้ให้บริการ VPN ทั้ง 3 รายก่อนหน้า CyberGhost ไม่ใช้การเข้ารหัส AES-256 ซึ่งเป็นเกรดเดียวกับที่กองทัพใช้งาน และเปิดให้ผู้ใช้งานเลือกใช้โปรโตคอลได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น WireGuard, OpenVPN และ IKEv2 นอกจากนี้ CyberGhost ยังมีนโยบายไม่เก็บบันทึกข้อมูลของผู้ใช้ จากการใช้งานเซิร์ฟเวอร์ NoSpy แบบ RAM ที่ทำให้สามารถลบข้อมูลผู้ใช้งานได้อย่างเป็นประจำ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ผ่านบุคคลที่ 3

การปลดล็อกการเข้าถึงในแต่ละประเทศ

เรียกได้ว่า CyberGhost เป็นผู้ให้บริการ VPN ที่มีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ใหญ่ที่สุดในตลาด โดยมีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 11,700 เครื่องใน 100 ประเทศทั่วโลก ในขณะที่เซิร์ฟเวอร์ให้เหมาะสำหรับการใช้งานอย่างการสตรีม โดยทางเราได้ทำการทดสอบเซิร์ฟเวอร์สตรีมมิ่งโดยเฉพาะ แล้วพบว่ามันสามารถปลดล็อคข้อจำกัดในการเข้าถึงในประเทศของแพลตฟอร์ Netflix, HBO Max, Hulu และ Disney+ ได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ยังคงมีปัญหาเกี่ยวกับความเร็วอยู่บ้าง เมื่อใช้งานระดับความคมชัดแบบ HD

ศักยภาพ

จากการตรวจสอบเราพบว่าโปรโตคอลของ CyberGhost มีความเร็วที่ดีอย่างสม่ำเสมอ โดยสามารถรักษาความเร็วไว้ได้ให้ไม่ต่ำกว่า 80 ถึง 90% จากความเร็วเดิม แต่อย่างไรก็ตาม เรายังพบปัญหาด้านความเร็วจากการใช้เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ไกลออกไป ทำให้โดยเฉลี่ยแล้ว CyberGhost สามารถรักษาความเร็วเอาไว้ได้ ไม่ต่ำกว่า 62.73% ของความเร็วเดิมในการดาวน์โหลด และเพียง 26.33% ของความเร็วในการอัพโหลดเดิม

ราคา

ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ภายใน CyberGhost ที่มีมากเกือบ 10,000 เซิร์ฟเวอร์ได้ในราคาเพียง 2.19 ดอลลาร์/เดือน เท่านั้น หากสมัครใช้บริการในแพ็คเกจแบบ 2 ปี โดยจะได้รับเวลาการใช้งานเพิ่มถึง 4 เดือน และยังสามารถใช้งาน VPN ได้มากถึง 7 อุปกรณ์ด้วยกัน

แพ็คเกจ 24 เดือน + ฟรี 2 เดือน 6 เดือน 1 เดือน
CyberGhost 2.19 ดอลลาร์ต่อเดือน 6.99 ดอลลาร์ต่อเดือน 12.99 ดอลลาร์ต่อเดือน

จากภาพรวม CyberGhost มีราคาบริการที่ค่อนข้างถูก เมื่อเทียบกับผู้ให้บริการอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตามผู้ใช้งานสามารถทดสอบก่อนผู้ให้บริการนี้ได้ก่อนตัดสินใจซื้อแพ็คเกจ โดยผู้ใช้งานสามารถทดลองใช้งานได้ฟรีเป็นเวลา 24 ชั่วโมง บน Windows และ macOS, 3 วัน สำหรับผู้ใช้ Android, และ 7 วันสำหรับผู้ใช้ iOS

ทั้งนี้หากผู้ใช้งานมีการสมัครแพ็คเกจไปแล้วแต่เปลี่ยนใจ ผู้ใช้งานสามารถเรียกคืนเงินได้ภายใน 45 วัน ในขณะที่แพคเกจ 1 เดือนจะสามารถเรียกเงินคืนได้ภายใน 1 วัน

เหมาะสำหรับใคร?

CyberGhost เป็นตัวทฤษฎีสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยและใส่ใจกับเรื่องความเป็นส่วนตัว มันเสนอให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงโปรโตคอล VPN ได้หลายรูปแบบ และมีการใช้งานเซิร์ฟเวอร์ในแบบ RAM เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าถึงการันตีความปลอดภัยได้อย่างดีเยี่ยม

ข้อดี

  • มีมากกว่า 11,700 เซิร์ฟเวอร์ทั่วโลก
  • มีเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกปรับแต่งให้ใช้งานสำหรับการเล่นเกม สตรีมมิ่ง และ torrenting
  • รับประกันการคืนเงิน 45 วัน

ข้อเสีย

  • มีปัญหาในด้านความเร็วความสูง
  • ฟีเจอร์จำกัด
  • อยู่ภายใต้การดูแลของ Kape Technologies

PrivateVPN – ตัวเลือก VPN ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ต้องการความเป็นส่วนตัว

เหมาะสำหรับ ความเป็นส่วนตัว
เครือข่าย มากกว่า 200 เซิร์ฟเวอร์ใน 63 ประเทศทั่วโลก
ทำงานบน สามารถใช้งานได้บนWindows, Mac, iOS, Android, และ Linux
เชื่อมต่อได้สูงสุด 10 อุปกรณ์
ราคา เริ่มต้นที่ 2 ดอลลาร์ต่อเดือน

จุดเด่นที่น่าสนใจ

PrivateVPN เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว จากมันเป็นผู้ให้บริการที่มีจุดเด่นในการป้องกันข้อมูลและการดำเนินการภายในเครือข่ายที่โปร่งใส ด้วยตัวบริษัทที่ตั้งอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งมีกฎหมายคุ้มครองความเป็นส่วนตัวที่แข็งแกร่ง

ฟีเจอร์สำคัญ

PrivateVPN ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า HQN (High-Quality Network) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเพลิดเพลินกับความเร็วสูงสุดถึง 300 Mbps โดยสามารถสตรีมวิดีโอ HD หรือเพลงโดยไม่มีปัญหาการบัฟเฟอร์

ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

PrivateVPN เป็นอีกหนึ่งผู้ให้บริการ VPN ที่ใช้การเข้ารหัส AES-256 แล้วรองรับโปรโตคอลอย่าง OpenVPN, IKEv2, L2TP/IPsec, PPTP, และ WireGuard อีกทั้งยังมีระบบ Kill switch พี่จะตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยอัตโนมัติ หาก VPN มีปัญหา นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อย่าง Stealth VPN เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าถึงที่ห้ามการใช้งานแบบ VPN อีกด้วย

การปลดล็อกการเข้าถึงในแต่ละประเทศ

PrivateVPN มีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 6,000 เครื่องกระจายอยู่ใน 100 กว่าประเทศ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงเนื้อหาที่อาจถูกจำกัดในบางพื้นที่จากแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งหลักๆ ได้อย่างดี

จากการทดสอบพบว่า PrivateVPN สามารถปลดล็อคบริการอย่าง Netflix, Hulu, BBC iPlayer และ Amazon Prime Video ได้สำเร็จในหลายประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม บริการของมันยังไม่สามารถใช้งานในประเทศจีนได้เหมือนกับผู้ให้บริการอย่าง ExpressVPN และ PrivateVPN

ศักยภาพ

PrivateVPN สามารถทำความเร็วสูงสุดถึง 300 Mbps ด้วยเทคโนโลยี HQN ซึ่งเหมาอย่างมากหรับการสตรีมวิดีโอคุณภาพสูงและการดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่

ราคา

PrivateVPN เสนอแผนบริการทั้ง 3 Package ให้กับผู้ใช้งาน โดยมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นเพียง 2 ดอลลาร์ต่อเดือนสำหรับ VPN คือ ผู้ใช้งานที่เลือกแผนบริการ 3 ปี ขึ้นไป โดยที่มีแผนฟรี

แพ็คเกจ 3 ปี 3 เดือน 1 เดือน
PrivateVPN 2 ดอลลาร์ต่อเดือน 6 ดอลลาร์ต่อเดือน 9.90 ดอลลาร์ต่อเดือน

โดยผู้ใช้งานสามารถทำการเลือกเงินคืนได้ภายใน 30 วัน โดยไม่มีความเสี่ยงใดๆหากต้องการยกเลิกแพ็คเกจ

เหมาะสำหรับใคร?

PrivateVPN เหมาะสำหรับผู้ให้ความสำคัญในความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยในการท่องเว็บ

ข้อดี

  • การเชื่อมต่อที่ปลอดภัย
  • โหมด Stealth VPN เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกแบน VPN
  • ง่ายต่อการใช้งาน
  • การบริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง

ข้อเสีย

  • เซิร์ฟเวอร์มีขนาดค่อนข้างเล็ก
  • ไม่รองรับการเชื่อมต่อแบบ multi-hop
  • ไม่มีส่วนเสริม (add-ons) สำหรับเบราว์เซอร์

VPN คืออะไร?

Virtual Private Network หรือ เน็ต vpn คือ เครื่องมือที่ช่วยรักษาด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ในขณะท่องเว็บ

vpn คือ การสร้างอุโมงค์ที่ช่วยป้องกันไม่ให้เหล่า แฮกเกอร์ นักทำโฆษณา และบุคคลที่สามอื่นๆ สามารถขโมยข้อมูลของผู้ใช้งานและนำไปใช้ เพื่อประโยชน์ของตนเอง นอกจากนี้ การ มุดvpn คือ การเปลี่ยน IP Address ของผู้ใช้งาน ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้งานจะสามารถเข้าถึงข่าวสารหรือเนื้อหาทั่วโลกที่ถูกจำกัดในพื้นที่ประเทศของตนเองได้

นอกจากนี้การ มุด vpn คือ การเปลี่ยน IP Address ของผู้ใช้งาน ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้งานจะสามารถเข้าถึงข่าวสารหรือเนื้อหาทั่วโลกที่ถูกจำกัดในพื้นที่ประเทศของตนเองได้ ดังนั้นประโยคที่พูดว่า มุด vpn คือ วิธีการที่ช่วยให้คุณเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกบล็อกในประเทศของคุณได้อย่างง่ายดาย

VPN ทำงานอย่างไร?

สำหรับการที่ยังไม่เข้าใจว่าการ เปิด vpnคือ อะไร? โดยตามหลักการ เปิด vpnคือการสร้างอุโมงค์เข้ารหัสระหว่างอุปกรณ์ของคุณกับอินเทอร์เน็ต ที่เมื่อผู้ใช้งานทำการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN การเชื่อมต่อที่ปลอดภัยจะถูกสร้างขึ้นระหว่างอุปกรณ์ของผู้ใช้งานกับเซิร์ฟเวอร์ VPN โดยที่ทำให้ข้อมูลทั้งหมดเมื่อจะถูกเข้ารหัสเมื่อผ่านอุโมงดังกล่าว และถูกถอดรหัสเมื่อถึงเซิร์ฟเวอร์เท่านั้น

จากนั้นคำขอที่ถูกถอดรหัสจะถูกส่งไปยังอินเทอร์เน็ต และเมื่อได้รับการตอบกลับ ข้อมูลนี้จะถูกเข้ารหัสบนเซิร์ฟเวอร์ VPN และส่งกลับไปยังอุปกรณ์ของผู้ใช้งาน

VPN Router คืออะไร?

vpn router คือ อุปกรณ์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งาน VPN กับอุปกรณ์หลายเครื่องในเครือข่ายได้พร้อมกัน vpn router คือ ทางเลือกที่สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการปกป้องทุกอุปกรณ์ในเครือข่ายโดยไม่ต้องตั้งค่าทีละเครื่อง นอกจากนี้ vpn router คือ วิธีที่ดีสำหรับการใช้งาน VPN กับอุปกรณ์ที่ไม่สามารถรองรับการติดตั้ง VPN ได้โดยตรง

SSL VPN คืออะไร?

สำหรับผู้ที่ต้องการเจาะลึกเกี่ยวกับ VPN ให้มากขึ้น โดยเฉพาะกับ Secure Sockets Layer ซึ่งเป็นหนึ่งในโปรโตคอลที่น่าสนใจ โดย SSL VPN คือเทคโนโลยีที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อระยะไกลอย่างปลอดภัย SSL VPN คือ การใช้โปรโตคอล SSL (Secure Sockets Layer) หรือ TLS (Transport Layer Security) เพื่อสร้างอุโมงค์เข้ารหัสระหว่างอุปกรณ์ของผู้ใช้และเครือข่ายองค์กร SSL VPN คือ วิธีการใช้งานโปรโตคอลผ่านซอฟต์แวร์ภายนอก เนื่องจากไม่จำเป็นต้องติดตั้งซอฟต์แวร์เพิ่มเติมบนอุปกรณ์ของผู้ใช้งาน หนี้จึงทำให้ SSL VPN คือ ทางเลือกที่ยืดหยุ่นสำหรับองค์กรที่ต้องการให้พนักงานสามารถทำงานจากระยะไกลได้อย่างปลอดภัย โดยสรุป SSL VPN คือ โซลูชันที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายองค์กรได้อย่างปลอดภัยจากทุกที่

ทำไม VPN ถึงจำเป็นสำหรับทุกคน?

ในบางครั้งหลายคนอาจมองว่าหากตัวเองไม่มีอะไรต้องปิดบัง ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ VPN แต่ในความเป็นจริงนั้น VPN มีบริการที่มีประโยชน์อย่างมาก โดยที่ไม่ได้เกี่ยวว่าคุณจะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่น่าสงสัยหรือไม่

โดยเนื้อแท้ของ เน็ต vpn คือ เครือข่ายเสมือนส่วนตัว ที่ช่วยในการซ่อน IP Address ของคุณเพื่อทำให้ผู้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ของคุณไม่สามารถเห็นได้ อีกทั้งยังช่วยป้องกันเหล่าแฮกเกอร์และนักโฆษณาให้ไม่สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของคุณบนโลกออนไลน์อีกได้ เพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว

เรียกได้ว่าในยุคที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์เริ่มมากขึ้น vpn คือ ทางออกที่ดีที่สุดในการปกป้องข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของตุณในโลกดิจิทัล จากการช่วยซ่อน IP Address ของคุณ

ในขณะที่หลายคนมีการใช้ Wi-Fi สาธารณะโดนที่ไม่รู้ว่าข้อมูลของพวกเขาสามารถถูกเข้าถึงได้ง่ายๆจากบุคคลอื่นๆ vpn คือ เครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยรักษาข้อมูลของคุณบนโลกออนไลน์ให้ปลอดภัยจากผู้ไม่หวังดี นอกจากนี้vpnคือ อะไร ที่ช่วยให้คุณสามารถก้าวข้าม Firewall เพื่อเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกจำกัดการเข้าถึงได้ โดยไม่กระทบวามเร็วในการเชื่อมต่อของคุณ

ทำไมต้องใช้ VPN?

นอกเหนือจากความปลอดภับออนไลน์และการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างเป็นส่วนตัวแล้ว คุณยังสามารถใช้ VPN ได้กับวัตถุประสงค์หลายอย่างได้แก่

เข้าถึงคอนเทนต์ที่จำกัดในประเทศการ Streamingสำหรับเล่นเกมการแลกเปลี่ยนไฟล์แบบ Torrenting

เข้าถึงคอนเทนต์ที่จำกัดในประเทศ

สำหรับผู้ที่กำลังมองหา vpn ไทย แรงๆ การเปลี่ยนที่อยู่ IP Address จะทำให้คุณเหมือนกับใช้งานอินเทอร์เน็ตจากต่างประเทศ ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ข่าวสาร ร้านค้า และอื่นๆ ที่ถูกจำกัดการเข้าถึงในประเทศไทยได้

การ Streaming

โดยปกติเว็บไซต์ Streaming ยอดนิยมอย่าง Netflix, Amazon Prime Video, และ HBO มักจะมี Content ที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ เนื่องจากอาจมีข้อตกลงลิขสิทธิ์บางอย่างหรือการอนุญาตภายในแต่ละประเทศที่ไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่นแพลตฟอร์มอย่างHulu และ Paramount+ มีให้บริการเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ดังนั้นหาก vpn ราคาถูก ที่คุณใช้มีฟีเจอร์ในการปลดบล็อกเนื้อหาเหล่านี้ได้ คุณจะสามารถเข้าถึงรายการบนแพลตฟอร์มโปรดได้จากทุกที่

ดังนั้น VPN จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงรายการบนแพลตฟอร์มโปรดได้จากทุกที่

และนี่คือตัวอย่างรายการที่คุณสามารถรับชมได้ผ่าน VPN

สำหรับเล่นเกม

vpn thailand ที่มีประสิทธิภาพสามารถให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเกมที่ถูกจำกัดในพื้นที่ประเทศของตนเอง และในบางครั้งการใช้ทรัพยากรในการประมวลผลจำนวนมากภายในเกม อาจทำให้ ISP ของคุณอาจช้าลง ทั้งนี้การสลับไปใช้ vpn ไทย แรงๆ อาจเป็นทางเลือกที่ดีเมื่อเกิดกรณีดังกล่าว

การแลกเปลี่ยนไฟล์แบบ Torrenting

การแลกเปลี่ยนไฟล์หรือ Torrenting เป็นอีกกิจกรรมบนโลกออนไลน์ที่จำเป็นต้องใช้ความปลอดภัยสูงในการใช้งาน vpn แนะนำ เพราะเมื่อผู้ใช้งานเริ่มทำการ Torrenting นั่นหมายความว่า IP Address ของผู้ใช้งานจะถูกเปิดเผยกับผู้ใช้งานในเครือข่าย P2P อื่นๆ

ดังนั้นการเข้ารหัสการใช้งานด้วยการ มุด vpn คือ การทำให้ผู้ใช้งานสามารถซ่อน IP Address จริงของตน และทำให้การเชื่อมต่อมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ผู้ให้บริการ VPN ที่ไหนเร็วที่สุด?

การเชื่อมต่อที่รวดเร็วและไร้ความหน่วงเป็นสำคัญที่สุดที่ผู้ใข้งานอินเทอร์เน็ตต้องการ โดยเฉพาะเมื่อใช้ vpn thailand ดังนั้นผู้ใช้งาน VPN ทุกคนต้องการไม่ให้ VPN ที่ตนใช้อยู่ไปกระทบกับความเร็วอินเทอร์เน็ตของตน แต่เนื่องจากปกติที่การใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านเซิร์ฟเวอร์ VPN อาจทำให้ความเร็วลดลงบางส่วนจากการเชื่อมต่อหลายขึ้นตอน

ทั้งนี้ผู้ให้บริการ VPN ที่ดีควรรักษาอัตราความหน่วงไม่ให้ไปลดความเร็วมากเกินไป และจากการทดสอบผู้ให้บริการ VPN ชั้นนำเหล่านี้ เราจึงได้ทำการเปรียบเทียบความเร็วของผู็ให้บริการทั้งหมด ที่จะมีรายละเอียดในแง่ของความเร็วในการดาวน์โหลดและอัปโหลด

ผู้ให้บริการ เฉลี่ยการรักษาความเร็วการดาวน์โหลด เฉลี่ยการรักษาความเร็วการอัปโหลด
NordVPN 73.37% 79.82%
Surfshark 73.43% 73.39%
ExpressVPN 49.91% 52.55%
PureVPN 68.65% 59.96%
TotalVPN 50.75% 63.85%
IvacyVPN 70.73% 68.45%
IPVanish 69.75% 68.70%
PrivadoVPN 68.90% 81.65%
CyberGhost 64.16% 32.05%
PrivateVPN

จากการเปรียบเทียม ทำให้สรุปได้ว่า Surfshark and NordVPN ถือเป็นผู้ให้บริการ vpn ไทย แรงๆ ที่เร็วที่สุด จากดูจากความเร็วและความสามารถในการการรักษาความหน่วงเมื่อใช้งาน

วิธีค้นหาผู้ให้บริการ VPN ที่ดีที่สุด

ผุ้ให้บริการ VPN มักจะนำเสนอฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว ที่หลากหลายให้กับลูกค้า ซึ่งจะรวมถึงโปรโตคอลสำหรับเข้ารหัสต่างๆ รวมถึงความสามารถในการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในในหลายประเทศ ทั้งนี้ความน่าเชื่อถิอและประสิทธิภาพของผู้ให้บริการ VPN อาจมีความแตกต่างกันตามปัจจัยเฉพาะ สำหรับ vpn ราคาถูก ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ความปลอดภัย การบันทึกข้อมูล ประสิทธิภาพ และการรองรับอุปกรณ์ด้วย

ความปลอดภัยการบันทึกข้อมูลศักยภาพการรองรับอุปกรณ์

ความปลอดภัย

เป็นสำคัญที่ผู้ให้บริการ VPN ควรจะต้องมีฟีเจอร์อย่าง VPN firewall, การเข้าถึงโปรโตคอล VPN ทีดี, และการเข้ารหัสลับที่แข็งแกร่ง อย่างเช่น การเข้ารหัสแบบ AES-256 เพื่อปกป้องข้อมูลจากการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต

ผู้ให้บริการในบางที่จะใช้ Token VPN เพื่อรับรองความปลอดภับเพิ่มเติม นอกจากนี้ผู้ให้บริการอีกหลายแห่งยังมีฟีเจอร์ในการป่องกันการรั่วไหลของข้อมูลเพื่อไม่ให้ IP Address ของผู้ใช้งานถูกเปิดเผย

สำหรับผู้ที่สนใจผู้ให้บริการ VPN ที่มีฟีเจอร์ความปลอดภัยเพิ่มเติมเช่นเดียวกับผู้ให้บริการ TotalAV สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้

การบันทึกข้อมูล

ผู้ให้บริการ VPN ที่ดีควรมีนโยบายไม่เก็บบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมออนไลน์ของผู้ใช้งาน และควรมีการรับประกันคุณภาพด้านความโปร่งใส ที่สามารถตรวจสอบได้โดยบุคคลที่สาม

ศักยภาพ

ผู้ให้บริการ VPN ควรมีความเร็วในการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถท่องทำกิจกรรมออนไลน์ได้โดยไม่ประสบความล่าช้า โดยเฉพาะเมื่อใช้ VPN กับกิจกรรมอย่าง Torrent, สตรีมมิ่งวีดีโอ, หรือการเล่นเกมออนไลน์

ผู้ให้บริการ VPN ที่ดีจะมีเซิร์ฟเวอร์ที่หลากหลาย การให้แบนด์วิดท์ไม่จำกัด และสามารถใช้ตัวรวม VPN เพื่อสร้างและจัดการการเชื่อมต่อ VPN อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ผู็ใช้งานควรพิจารณาจำนวนเซิร์ฟเวอร์ ของแต่ละผู้ให้บริการ ที่เหมาะสำหรับการใช้งานเฉพาะตัว

การรองรับอุปกรณ์

บริการที่ดีในการมุดvpn คือ การสามารถใช้งานได้ทั้งกับคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต พร้อมกับมีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย

VPN ปลอดภัยหรือไม่? อะไรที่ทำให้มันปลอดภัย?

อาจมีหลายคนที่สงสัยว่าที่จริงแล้วการใช้มุดvpn คือปลอดภัยหรือไม่ ทั้งนี้การมุด vpn คือสิ่งที่มีความปลอดภัยอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยมันมีจุดประสงค์ในการใช้งานด้านการเพิ่มความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ของผู้ใช้งาน ด้วยฟีเจอร์ที่นำเสนอด้านความปลอดภัยโดยเฉพาะ และมาตรการรักษาความเป็นส่วนตัวที่ครอบคลุม

อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องปกติที่ไม่ใช่ว่าผู้ให้บริการ VPN ทุกแห่งจะมีความปลอดภัยในการใช้งานที่เท่าเทียมกันหมด โดยเฉพาะกับผู้ให้บริการ VPN ฟรีที่มักจะถูกมองว่ามีความเสี่ยงในการถูกข้อมูลแทนที่จะช่วยป้องกัน

และด้วยเหตุนี้ เรายังจะแนะวิธีการเลือกซอฟต์แวร์ VPN ที่น่าเชื่อถือและปลอดภัย โดยพิจารณาจาก

  • ดำเนินการบนประเทศที่ปลอดภัย – ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการ VPN มีการดำเนินงานอยู่ในพื้นที่หรือประเทศที่มีการกำกับดูแลด้วยความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือ และมีนโยบายด้านการรักษาความเป็นส่วนตัวที่ยอดเยี่ยม ที่จะไม่มีข้อกำหนดทางกฎหมายให้ผู้ให้บริการ VPN ต้องเก็บรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้ โดย NordVPN ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศปานามา ถือเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับัจจัยนี้
  • นโยบายไม่เก็บบันทึกข้อมูล – นโยบายไม่เก็บบันทึกข้อมูล จะเป็นสิ่งที่การันดีได้ว่าผู้ให้บริการจะไม่ทำการเก็บรวบรวมหรือจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลหรือบันทึกกิจกรรมของผู้ใช้ ทั้งนี้ถึงแม้ว่าผู้ให้บริการส่วนใหญ่มักจะเสนอมาตรการรักษาความเป็นส่วนตัวนี้ แต่ผู้ใช้งานเลือกเลือกใช้ผู้ให้บริการที่ผ่านการตรวจสอบและพิสูจน์จากองค์กรภายนอกเท่านั้น
  • เซิร์ฟเวอร์แบบ RAM เท่านั้น – ผู้ให้บริการ VPN ที่ดีและปลอดภัยมักใช้เซิร์ฟเวอร์แบบ RAM ซึ่งข้อมูลจะถูกลบทิ้งหลังจากรีบูตแต่ละครั้ง โดบสิ่งนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีการจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้ในส่วนของผู้ให้บริการ
  • การเข้ารหัส – ผู้ให้บริการ VPN ทีดีจะใช้การเข้ารหัสแบบ AES-256 ที่มีความปลอดภัยสูง อย่างเช่น Surfshark, ExpressVPN หรือ NordVPN
  • Kill Switch – Kill Switch ใน vpn คือ เครื่องมือที่จะช่วยตัดการเชื่อมต่อของคุณจากอินเทอร์เน็ตทันทีในกรณีที่การเชื่อมต่อ VPN ล้มเหลวโดยอัตโนมัติ ด้วยวิธีนี้จะทำให้มั่นใจได้ว่า ที่อยู่ IP จริงของผู้ใช้งานจะไม่รั่วไหล ดังนั้น Kill Switch จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ควรมีใน vpn แนะนำ

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ควรรู้ไว้ก่อนทำการสมัครใช้งานเพื่อมุดvpn คือ ในบางประเทศเช่น เบลารุส อิรัก เกาหลีเหนือ และเติร์กเมนิสถาน การใช้ VPN ถือเป็นกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย ดังนั้นจึงไม่ปลอดภัยอย่างมากในการใช้งาน VPN ในประเทศเหล่านี้ เพราะมันอาจส่งผลให้คุณอาจถูกดำเนินการทางกฏหมายไปจนถึงการจำคุกได้เลยทีเดียว

โดยสรุป การเลือก vpn ไทย แรงๆ ที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ จะช่วยให้คุณใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสตรีมมิ่ง การเล่นเกม หรือการท่องเว็บทั่วไป

ข้อดีของการใช้งาน VPN

มีซอฟต์แวร์ VPN อยู่หลายประเภทที่ถูกนำไปใช้ในธุรกิจหรือองค์กรต่างๆ โดยมี 1 ประเภทที่ถูกใช้งานกันอย่างแพร่หลายในบริษัททั่วโลกคือ remote access VPN ที่จะอนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อกับพื้นที่เก็บข้อมูลขององค์กรได้อย่างปลอดภัยที่ไหนก็ได้บนโลก พร้อมด้วยการจัดการผ่านบุคคลที่ 3

โดย remote access VPN มาได้รับการสนับสนุนให้เป็นเครื่องมือป้องกันความปลอดภัยที่ดีสำหรับองค์กรที่ทำงานในหลายพื้นที่ทั่วโลก อีกทั้งยังมีมาตรการยืนยันข้อมูลแบบไบโอเมตริกของผู้ใช้งานก่อนที่จะอนุญาตให้เข้าถึงแอป

ข้อเสียของการ VPN

นับตั้งแต่การที่ผู้ใช้งานมีการเชื่อมต่อ VPN ข้อมูลของผู้ใช้จะถูกส่งผ่านเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการ VPN เพื่อเข้ารหัส และเนื่องจากข้อมูลที่ผ่าน VPN ถูกเข้ารหัส มันจึงเป็นเรื่องปกติที่ผู้ใช้งานจะพบว่าความเร็วในการอัพโหลดและดาวน์โหลดมีความช้าลง

นอกจากนี้ ในการทำให้ผู้ใช้งานสามารถท่องโลกออนไลน์ได้โดยไม่เปิดเผยตัวตน VPN จะทำการเปลี่ยน IP Address ของผู้ใช้งาน เป็น IP Address อื่นที่ผู้ให้บริการมี และในบางครั้งสิ่งนี้อาจทำให้เกิดปัญหาหาก IP address ของผู้ใช้งานถูกบล็อกและไม่สามารถใช้งานได้

สิ่งที่ควรระวังสำหรับการใช้งาน VPN

VPN ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการท่องโลกออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัว อย่างไรก็ตามวันยังมีจุดที่ควรเฝ้าระวังเล็กน้อย ได้แก่

  • ราคา – ทางเราไม่แนะนำให้ใช้ VPN ที่ไม่คิดค่าบริการ เนื่องจากผู้ให้บริการเหล่านี้อาจมีข้อจำกัดใช้งานที่รุนแรงและไม่โปร่งใส โดยในกรณีที่แย่ที่สุดพวกเขาอาจเปิดเผยข้อมูลของผู้ใช้ให้กับกลุ่มคนที่ไม่หวังดี ซึ่งเป็นเรื่องตรงกันข้ามอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งาน VPN เพื่อรักษาความปลอดภัย ทั้งนี้ผู้ใช้งานจึงควรเลือกใช้ VPN จากผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ เพราะถึงแม้พวกเขาจะคิดค่าธรรมเนียม แต่ถือว่าถูกมากหากเทียบกับความปลอดภัยและฟีเจอร์ต่างๆที่จะได้รับ
  • ความเร็วในการเชื่อมต่อ – จากการเชื่อมต่อไปมาระหว่างการใช้งาน VPN อาจทำให้ผู้ใช้งานพบว่าความเร็วในการเชื่อมต่อลดลง โดยเฉพาะกับผู้ให้บริการที่ไม่คิดค่าธรรมเนียม อย่างไรก็ตามผู้ให้บริการ VPN ที่ดีจะพยายามอย่างมากในการไม่ลดความเร็วอินเตอร์เน็ตของผู้ใช้งานมากเกินไป ทำให้ผู้ใช้งานยังคงสามารถเล่นเกมและ Streaming ได้
  • ความถูกต้องตามกฎหมาย – แม้ว่าการใช้งาน VPN จะเป็นสิ่งที่ทำได้อย่างถูกกฎหมายในหลายพื้นที่ทั่วโลก แต่สำหรับบางประเทศยังคงมีการจำกัดหรือห้ามใช้ VPN แบบเด็ดขาด โดยมีประเทศอย่าง เบลารุส อิรัก เกาหลีเหนือ และเติร์กเมนิสถาน ที่มีกฎหมายที่เข้มงวดสำหรับการใช้งาน VPN อีกทั้งยังมีประเทศอย่าง อินเดีย รัสเซีย และจีนจำกัดและตรวจสอบการใช้ VPN อย่างเข้มงวด ดังนั้น ผู้ใช้งานจึงควรศึกษากฎหมายเกี่ยวกับการใช้ VPN ในแต่ละประเทศให้ชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาจนถึงขั้นติดคุก

ควรเลือกใช้ VPN แบบฟรี หรือ VPN แบบจ่ายเงิน?

โดยปกติผู้ให้บริการ VPN แบบฟรีมาเป็นที่ชื่นชอบเนื่องจากผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องเสียเงินเพื่อเข้าใช้งาน แต่อาจมีข้อเสียบางประการอย่างการบังคับให้คุณต้องดูโฆษณา ในขณะที่ผู้ให้บริการ VPN แบบฟรีบางรายอาจมีแบนด์วิดท์หรือตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่จำกัด เพื่อหลอกล่อให้ผู้ใช้งานต้องยอมอัพเกรดเป็นแบบเสียเงิน อีกทั้ง VPN Free มักไม่เหมาะสำหรับการ Streaming หรือ torrenting

อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบ เราพบว่า PrivadoVPN และ PrivateVPN ถือเป็น 2 ผู้ให้บริการ VPN ที่ดีที่สุดโดยมี PrivateVPN นามเป็นอันดับ 1 จากการเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ และญี่ปุ่น โดยไม่มีข้อจำกัดในการใช้ข้อมูล นอกจากนี้ผู้ให้บริการเหล่านี้ยังได้รวมบริการ Kill switch ไว้ในบริการฟรีอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าบริการฟรีเหล่านี้จะสามารถทำงานได้อย่างเพียงพอสำหรับการซ่อน IP Address ของผู้ใช้งาน แต่ยังถือว่ามีประสิทธิภาพที่ด้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับแพ็คเกจ VPN แบบเสียเงินถึงแม้จะเป็น vpn ราคาถูก ก็ตาม ดังนั้นจึงเป็นเรื่องดีกว่าที่จะมองหาแพคเกจ VPN ที่ราคาไม่แพงมาใช้งาน

แนวโน้มตลาด VPN

จากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน ทำให้ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตเริ่มมองหาวิธีในการรักษาความปลอดภัยออนไลน์มากขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ตลาด VPN คือ ก็จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าทางตลาดมากถึง 45 พันล้านดอลลาร์ ไปแล้วในปัจจุบัน

Key Findings

  • ในขณะนี้มีผู้คนเริ่มตระหนักรู้ถึงความสำคัญของเครื่องมือ VPN เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสหรัฐมีชาวอเมริกันถึง 88% ที่รู้จัก VPN
  • มีการดาวน์โหลด VPN ไปแล้วถึง 130 ล้านครั้ง นับตั้งแต่ช่วงครึ่งแรกของปี 2023 (อ้างอิงจาก Atlas VPN)
  • จะข้อมูลในเดือนมิถุนายนปี 2023 พบว่ามีผู้คนจำนวนมากเริ่มกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของ VPN โดยพบว่า ความเสี่ยงในการติดมัล เป็นสิ่งที่ผู้คนกังวลมากที่สุด และขณะที่การโจมตีแบบ zero-day + APT และการโจมตีแบบ DDoS เป็นสิ่งที่ผู้คนกังวลรองลงมาตามลำดับ อย่างไรก็ตามก็สำรวจพบว่าผู้ใช้งานจะมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยน้อยลง หากผู้ให้บริการ VPN มีภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่แข็งแกร่งและไม่มีกรณีข้อมูลรั่วไหลเกิดขึ้นให้เป็นข่าว
  • ความง่ายในการใช้งาน VPN คือ อีกหนึ่งสิ่งที่ผู้คนให้ความสำคัญ โดยจากการสำรวจพบว่า 21% ของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่าซอฟต์แวร์ VPN นั้นใช้งานยากเกินไป อย่างไรก็ตามผู้ใช้งานอีก 70% จะมีการใช้งานทุกวันหรือเกือบทุกวันหลังจากผ่านขั้นตอนการตั้งค่าเริ่มต้นไปได้แล้ว

โดยรวมพบว่า ตลาด vpn thailand กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องและยังสามารถดึงดูดผู้ใช้งานใหม่ๆเข้ามาได้ ถึงแม้จะยังมีความกังวลบางอย่างเกี่ยวกับการใช้งาน แต่ในทางด้านผู้ให้บริการยังคงปรับปรุงแล้วพัฒนาระบบของตนเองอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันภัยคุกคามทางออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

อะไรคือ VPN ที่ดีที่สุด? วิธีเลือก VPN ให้เหมาะสมกับความต้องการตัวเอง

และปัจจุบันมีเครือข่าย VPN ให้ผู้ใช้งานเลือกใช้อยู่มากมาย โดยทำให้สำหรับผู้ให้บริการมีเปลี่ยนเองนั้นก็ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรง อย่างไรก็ตามมีผู้ให้บริการที่เป็นผู้นำในตลาดไม่กี่ราย ที่มีความโดดเด่นทางด้านการใช้งานจริงๆ ทั้งในแง่ของความเร็ว ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือ

ด้วยเหตุนี้ทางเราจึงได้ลิสรายชื่อผู้ให้บริการ VPN ที่ดีที่สุดทั้งในด้านการตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย โดยจากการค้นคว้าเราพบว่า NordVPN ถือเป็นผู้ให้บริการ VPN ที่ดีที่สุดในตอนนี้ ซึ่งผู้สนใจสามารถลองใช้มันได้โดยไม่มีความเสี่ยง และสามารถรับเงินคืนได้ภายใน 1 เดือน

FAQs

การเชื่อมต่อ VPNคืออะไร?

มี VPN ฟรีที่ดีหรือไม่?

จะรู้ได้อย่างไรว่า VPN กำลังทำงานอยู่?

VPN มีค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยอยู่ที่เท่าไร?

ผู้ให้บริการ vpn แนะนำ

บริการ VPN ที่ดีที่สุดบน Reddit คืออะไร?

VPN ใช้เพื่ออะไร?

VPN ของที่ไหนปลอดภัยที่สุด?

VPN ใดที่มีการบริการลูกค้าดีที่สุด?