Proton vpn ดีไหม? สำหรับการใช้งานในปี 2024

เรียกได้ว่า proton vpn เป็นผู้ให้บริการ vpn ที่โดดเด่นอย่างมากจากฟีเจอร์ที่ครอบคลุมมากพอสำหรับการใช้งานแพ็คเกจที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และฟีเจอร์ขั้นสูงภายในบัญชีแบบพรีเมียม โดยในบทความนี้ เราจะมาตอบคำถามว่า proton vpn ดีไหม โดยดูจากภาพรวมของการใช้งานแพลตฟอร์ม proton vpn ทั้งในด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย รวมถึงฟีเจอร์อื่นๆ ในมุมมองของผู้ใช้งานจริง ทั้งบัญชี proton vpn free และพรีเมียม เพื่อหาข้อดีข้อเสียของการใช้งานผู้ให้บริการ vpn รายนี้ และเปรียบเทียบมันกับผู้ให้บริการ vpn รายอื่นในตลาด

วิธีการทำงานของ proton vpn

วิธีการทำงานของ proton vpn

จากการเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายส่วนตัวเสมือน vpn proton ได้ส่งมอบความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้ ด้วยการเข้ารหัสการรับส่งข้อมูลอินเตอร์เน็ต เมื่อผู้ใช้งานเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์(เข้ารหัส)ที่ปลอดภัยบนแพลตฟอร์ม โดยที่เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้จะเปรียบเสมือนอุโมงค์เชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์กับ เซิร์ฟเวอร์ของ proton vpn และทำให้การเชื่อมต่อของผู้ใช้งานจะไม่สามารถเข้าถึงได้จากบุคคลที่สาม โดยอุโมงค์ดังกล่าวยังช่วยซ่อน IP Address และตำแหน่งการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ผู้ใช้งานกำลังอยู่ในขณะนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการจำกัดการเข้าถึงในแต่ละภูมิภาค อีกทั้งยังช่วยหลีกเลี่ยงการจำกัดความเร็วจากผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต ทั้งนี้ถึงแม้ proton vpn จะเป็นผู้ให้บริการที่โดดเด่นด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวมากที่สุดในตลาด แต่อย่างไรก็ตามมันก็มีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน ที่ตัวคุณเองควรทำการศึกษาก่อนตัดสินใจสมัครใช้งาน ตัวอย่างเช่น จำนวนเซิร์ฟเวอร์ที่น้อยกว่าผู้ให้บริการรายอื่นหรือการเชื่อมต่อในภูมิภาคอื่นที่น้อยกว่า

รายละเอียดแพ็คเกจของ proton vpn

proton vpn นำเสนอทั้งแพ็คเกจการใช้งาน proton vpn ฟรี ตลอดชีพที่ครอบคลุมมากที่สุดในตลาด จากการไม่จำกัดปริมาณข้อมูลสำหรับการใช้งาน อีกทั้งผู้ใช้งาน proton vpn ฟรี ยังสามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ได้จากหลากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น เนเธอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น โดยฟีเจอร์เหล่านี้จะอยู่ภายใต้นโยบายไม่เก็บบันทึกข้อมูล ซึ่งทำให้ผู้ใช้งาน proton vpn free นี้จะได้รับประโยชน์ด้านความเป็นส่วนตัวเช่นเดียวกับผู้ใช้งานในแพ็คเกจแบบพรีเมียมทุกอย่าง

ข้อดีอีกอย่างของ proton free vpn คือการที่มันไม่ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับโฆษณามากนัก ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้งานแพ็คเกจ proton vpn free ไม่จำเป็นต้องต้องถูกบังคับให้ดูโฆษณาเพื่อเข้าใช้งาน แต่จะจำกัดการใช้งานอย่างเช่นการสตรีมหรือการแชร์ไฟล์แบบ torrent รวมถึงจำกัดการใช้งานได้แค่อุปกรณ์เดียว เพื่อดึงดูดให้ผู้ใช้งาน proton vpn ฟรี ที่ต้องการเพิ่มฟีเจอร์การใช้งานให้มากขึ้นเข้ามาสมัครแพ็คเกจพรีเมียม

ด้วยแพ็คเกจแบบพรีเมียมของ proton vpn จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 4.99 ดอลลาร์เท่านั้น โดยจะสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น การรองรับการสตรีมและ torrent, Tor over VPN และการเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์มีความเร็วสูงถึง 10Gbps โดยทั้งนี้ผู้ใช้แพ็คเกจจะสามารถยกเลิกแผนพรีเมียมได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่เข้าไปยังเมนูการตั้งค่า รวมถึงจะได้รับเงินคืนสำหรับผู้ใช้งานที่สมัครแพ็คเกจแบบ 2 ปีที่ยังใช้งานไม่ถึง 30 วัน

การใช้งานของ proton vpn

proton vpn เป็นอีกหนึ่งผู้ให้บริการ vpn ที่มอบประโยชน์ที่หลากหลายให้กับผู้ใช้งานตามแต่ละจุดประสงค์ ยกตัวอย่างเช่นการปลดล็อคให้สามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกจำกัดในประเทศ หรือการรักษาความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ของผู้ใช้งานระหว่างการท่องเว็บไซต์ และอื่นๆอีกมากมาย ได้แก่:

การปกปิดตัวตนในโลกออนไลน์การ Streamingการใช้งาน Torrent

การปกปิดตัวตนในโลกออนไลน์

เรียกได้ว่าในโลกอินเตอร์เน็ต ข้อมูลส่วนบุคคลถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เนื่องจากมันสามารถถูกนำไปใช้งานในทางที่ไม่เหมาะสมได้ ทั้งนี้ proton vpn จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วย ป้องกันให้ข้อมูลส่วนบุคคลและประวัติกิจกรรมออนไลน์ของผู้ใช้งานไม่ถูกเข้าถึงได้โดยบุคคลที่ 3 และละเมิดความเป็นส่วนตัว จากการปกปิด IP Address ของผู้ใช้งานด้วยการใช้แทนที่ด้วย IP Address ของเซิร์ฟเวอร์ที่มี

การปกปิดตัวตนในโลกออนไลน์

อีกทั้งมันยังช่วยป้องกันการสอดแนมผ่านโปรโตคอลการ์ดเข้ารหัสเฉพาะของ platform ที่ช่วยป้องกันอาชญากรไซเบอร์จากการดักเก็บข้อมูลอินเตอร์เน็ตของผู้ใช้งาน โดยสิ่งนี้ถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญอย่างมากสำหรับผู้ที่ใช้ Wifi สาธารณะ หรือเดินทางไปยังต่างประเทศ

ทั้งนี้ด้วยการที่ proton vpn ยังเป็นผู้ให้บริการ VPN ที่ตั้งอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และมีนโยบายไม่จัดเก็บหรือบันทึกข้อมูลการใช้งานอินเตอร์เน็ตของผู้ใช้งานเอาไว้ในเซิร์ฟเวอร์ จึงทำให้มันเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวระหว่างการท่องโลกออนไลน์

การ Streaming

proton vpn มีเซิร์ฟเวอร์ให้ใช้งานเกือบ 3,000 แห่งภายใน 68 ประเทศ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเนื้อหาและบริการ Streaming ยอดนิยมได้ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Netflix ที่มักจะมีภาพยนตร์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นยุโรป อเมริกา หรือเอเชีย โดยการใช้เชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ของ proton vpn ในแต่ละประเทศนั้นๆ จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเนื้อหาและภาพยนตร์ได้อย่างหลากหลายมากขึ้น

อย่างไรก็ตามฟีเจอร์ดังกล่าวจะยังไม่มีในแพ็คเกจการใช้งาน proton vpn ฟรี แต่มั่นใจได้ว่าผู้ที่สมัครแพ็คเกจแบบพรีเมียม จะได้รับประสบการณ์การ Streaming ที่ราบรื่นโดยไม่มีการกระตุกใดๆ ในทุกพื้นที่ทั่วโลก ด้วยเซิร์ฟเวอร์ความเร็วสูงของ proton vpn ที่มีเทคโนโลยี VPN Accelerator ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วให้ vpn ได้มากถึง 400% ซึ่งช่วยให้ไม่มีปัญหาใดๆในการรับชมภาพยนตร์ระดับ 4K

การใช้งาน Torrent

proton vpn มีความโดดเด่นอย่างมากในเรื่องการป้องกันการจำกัดความเร็วจาก ISP โดยไม่มีการจำกัดแบนด์วิดท์ ซึ่งช่วยให้การดาวน์โหลดหรือส่งไฟล์ขนาดใหญ่เป็นไปอย่างราบรื่น อีกทั้ง proton vpn ยังไม่มีนโยบายบันทึกข้อมูลกิจกรรมการใช้งานอินเตอร์เน็ต ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่าข้อมูลการใช้งานในระดับบุคคลจะได้รับการปกป้องความเป็นส่วนตัวทุกครั้ง ซึ่งรวมถึงข้อมูลการใช้งาน torrent อีกด้วย ทั้งนี้ฟีเจอร์ดังกล่าวจะไม่มีให้ใช้สำหรับ proton free vpn

ฟีเจอร์ต่างๆภายใน proton vpn

ถึงแม้ proton vpn จะมีฟีเจอร์การใช้งานบางอย่างที่น้อยกว่าผู้ให้บริการ VPN บางราย แต่สำหรับในด้านแอปพลิเคชันนั้น proton vpn ถือว่ามีความโดดเด่นจากการใช้งานที่ง่ายกว่าแอปพลิเคชันของผู้ให้บริการ VPN ส่วนใหญ่ อีกทั้งรองรับการปกป้องอุปกรณ์ได้มากถึง 10 เครื่องพร้อมกันภายในบัญชีเดียว ทั้งนี้ proton vpn ยังมีฟีเจอร์โดดเด่นอีกมากมาย ที่จะตอบโจทย์การใช้งานของแต่ละบุคคล ดังนี้:

ระบบ Kill SwitchSplit TunnelingDNSบล็อกโฆษณาTor Over VPN

ระบบ Kill Switch

proton vpn มีระบบ Kill Switch ที่จะเปิดอยู่ตลอดเวลา เพื่อช่วยในกรณีที่การใช้งาน vpn มีปัญหาแบบกะทันหัน ซึ่งอาจสร้างความอันตรายต่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ใช้งาน โดยระบบ Kill Switch ของ proton vpn จะทำการหยุดการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตบนอุปกรณ์ของผู้ใช้งานโดยอัตโนมัติหากการเชื่อมต่อ vpn เผชิญกับความขัดข้อง เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ให้ราบรื่นระหว่างการเล่นอินเตอร์เน็ต โดยถือว่ามีประโยชน์อย่างมากสำหรับการใช้งานอินเตอร์เน็ตที่เชื่อมต่อจาก WiFi สาธารณะที่ไม่เสถียร อย่างไรก็ตามผู้ใช้งานสามารถทำการตั้งค่าได้ว่าจะเปิดการใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวด้วยตนเองหรือเปิดใช้ทุกครั้งที่มีการใช้งาน vpn

ระบบ Kill Switch

โดยการใช้ระบบ Kill Switch แบบที่เปิดอยู่ตลอดเวลานี้ ยังสามารถใช้ได้แม้อุปกรณ์ของผู้ใช้งานกำลังอยู่ในการบูตหรือปิดเครื่องแล้วก็ตาม รวมผู้ใช้งานยังสามารถปรับแต่งตั้งค่าความปลอดภัยตามความต้องการส่วนตัว จากความสามารถในการกำหนดการใช้งาน Kill Switch บนแอปพลิเคชันเฉพาะภายในอุปกรณ์ได้อีกด้วย

Split Tunneling

ฟีเจอร์ Split Tunneling ของ proton vpn มีฟีเจอร์ให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะใช้อินเตอร์เน็ตใดผ่านการเชื่อมต่อ vpn ตัวอย่างเช่นผู้ใช้งานสามารถเล่นวีดีโอเกมโดยใช้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบปกติ ในขณะที่ดูรายการโทรทัศน์โดยใช้ vpn ไปพร้อมๆกันได้ อย่างไรก็ตามฟีเจอร์ดังกล่าวสามารถใช้ได้กับอุปกรณ์ Android และ Windows เท่านั้น โดยผู้ที่ต้องการใช้งานสามารถเปิดใช้ฟีเจอร์ดังกล่าวได้โดยเข้าไปยังเมนูการตั้งค่าและเลือกแอป ที่จะใช้งานผ่าน vpn

ระบบความปลอดภัย DNS

proton vpn มีเครื่องมือป้องกัน DNS ที่เข้ารหัส เพื่อป้องกันไม่ให้ ISP หรือบุคคลที่ 3 สามารถตรวจสอบกิจกรรมออนไลน์ของผู้ใช้งานได้ ซึ่งเรียกได้ว่ามันคือเครื่องมือที่จะช่วยปลดล็อคการเข้าถึงเนื้อหาต่างๆที่ถูกจำกัดภายในประเทศของในประเทศหนึ่ง ในขณะที่ผู้ใช้งานยังสามารถปกปิดตัวตนได้อย่างดี เพราะ DNS ที่ไม่ได้รับการเข้ารหัสอาจส่งผลให้เกิดการรั่วไหลของข้อมูลจนตำแหน่งของผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตถูกเปิดเผยออกไป ผ่านการใช้งานเซิร์ฟเวอร์ DNS ของทางบริษัทโดยตรง เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์

บล็อกโฆษณา

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ proton vpn คือ NetShield ซึ่งเป็นเครื่องมือปิดกั้นการเข้าถึงของโฆษณาและคุกกี้ที่เป็นอันตรายที่จะเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานในระบบอินเตอร์เน็ต อีกทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้อุปกรณ์ของผู้ใช้งานมีการดาวน์โหลดเนื้อหาที่ไม่จำเป็น ซึ่งช่วยลดปริมาณข้อมูลที่ต้องโหลดในขณะเข้าเว็บไซต์และทำให้การท่องโลกออนไลน์ราบรื่นมากขึ้น

บล็อกโฆษณา

นอกจากนี้การใช้งาน NetShield อุปกรณ์ของผู้ใช้งานปลอดภัยจากการติดมัลแวร์ โดย NetShield จะตรวจสอบที่อยู่ของเว็บไซต์นั้นกับฐานข้อมูลขนาดใหญ่ภายในบริษัทเพื่อหาว่าเว็บไซต์นั้นเป็นอันตรายสำหรับผู้ใช้งานหรือไม่ หากระบบพบว่าเว็บไซต์ที่ใช้งานกำลังเข้านั้นมีความเสี่ยง NetShield จะทำการบล็อกไม่ให้เว็บไซต์ถูกโหลดโดยอัตโนมัติ

Tor Over VPN

นอกจากการใช้งาน vpn แบบทั่วไปที่ช่วยปกปิดข้อมูลของผู้ใช้งานได้อย่างดีแล้ว proton vpn ยังนำเสนอฟีเจอร์ Tor Over VPN เพื่อยกระดับการใช้งานแบบนิรนามไปอีกขั้น ผ่านการแลกกับความเร็วในการเชื่อมต่อที่ลดลง โดย proton vpn จะมีเซิร์ฟเวอร์ Tor ติดตั้งอยู่ทั่วโลก สำหรับการเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ .onion โดยเฉพาะ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องติดตั้งแอปพลิเคชันของบุคคลที่สามเพื่อเข้าถึงเว็บมืด นอกจากนั้น Tor Over VPN ยังเป็นตัวเลือกและวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดการเข้าถึงจาก Great Firewall ของทางการจีน

proton vpn ดีไหม ? ปลอดภัยแค่ไหน?

proton vpn ดีไหม

แอปพลิเคชันของ proton vpn ถูกพัฒนาให้อยู่ในรูปแบบ open source ที่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วโลกสามารถเข้าถึงได้ เพื่อช่วยตรวจสอบและแนะนำการปรับปรุงอย่างเปิดกว้าง และด้วยชุมชนในกลุ่มพัฒนาที่เข้มแข็งทั้งจากภายในและภายนอกแพลตฟอร์มนี่เอง จึงทำให้ proton vpn เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการและแอป VPN ที่ดีที่สุดในปี 2024

อย่างที่ทราบกันดีว่า proton vpn เป็นผู้ให้บริการ vpn ที่โดดเด่นในด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานในทุกอุปกรณ์ จากการที่มันเคยเป็นโครงการที่ต่อยอดมาจาก ProtonMail ซึ่งเคยเป็นแพลตฟอร์มโซลูชั่นสำหรับนักข่าวและนักกิจกรรมทางการเมืองที่ต้องการพื้นที่ปลอดภัยบนโลกออนไลน์ โดยมีกลุ่มนักวิทยาศาสตร์จาก CERN เป็นผู้อยู่เบื้องหลังโครงการเหล่านี้ และจากการที่โครงการดังกล่าวได้ถูกต่อยอดมายัง proton vpn จึงทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการ vpn ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในด้านความปลอดภัย โดยมีเครื่องมือด้านความปลอดภัยหลายอย่างได้แก่:

โปรโตคอลและการเข้ารหัส

proton vpn มีการใช้โปรโตคอลชั้นนำอย่าง OpenVPN และ IKEv2 ผ่านการเข้ารหัสแบบ AES-256 ซึ่งเป็นโปรโตคอลที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือในด้านเสถียรภาพและความเร็วในการเชื่อมต่อ ทั้งยังมีการใช้การเข้ารหัสแบบ ChaCha20 ซึ่งเป็นการเข้ารหัสที่ได้เปรียบในเรื่องของความเร็วในการทำงาน

อีกทั้งยังมีโปรโตคอลเฉพาะอย่าง Stealth ซึ่งป้องกันการเซ็นเซอร์ในอินเตอร์เน็ต ซึ่งเหมาะสำหรับประเทศที่แพลตฟอร์ม Social Media หรือสำนักข่าวต่างๆ ถูกจำกัดการเข้าถึง

โดยจากการเปลี่ยนคีย์ที่ใช้ถอดรหัสและการเข้ารหัสข้อมูลอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มันเป็นไปได้ยากมากในการเจาะการเข้ารหัสเหล่านี้ และถึงแม้ว่าจะมีผู้สามารถเจาะเข้ารหัสนี้ได้ พวกเขาก็จะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานได้อยู่ดี

ระบบป้องกันความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์หลัก

ในแง่ของการออกแบบ proton vpn มีสถาปัตยกรรมเซิร์ฟเวอร์ที่แข็งแกร่งและสามารถปกป้องผู้ใช้งานจากการโจมตีเครือข่ายได้มากกว่าผู้ให้บริการส่วนใหญ่โดยเรียกว่า Secure Core ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานเข้ารหัสรับส่งข้อมูลอินเตอร์เน็ตโดยกำหนดเส้นทางผ่านเซิร์ฟเวอร์ได้หลายเครื่อง โดย vpn proton ได้ยกระดับความปลอดภัยจากการส่งการรับส่งข้อมูลของผู้ใช้งานผ่านเซิร์ฟเวอร์ Secure Core ก่อนที่จะเข้ารหัสอีกครั้งผ่านเซิร์ฟเวอร์ที่ผู้ใช้งานเลือก โดยมันจะช่วยสร้างอุโมงค์ vpn ภายในอีก 1 ชั้น เพื่อเพิ่มชั้นในการป้องกันกรณีที่การเชื่อมต่อ vpn แรกถูกโจมตี และเนื่องจากการที่ vpn proton ได้วางเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ไว้ในประเทศที่มีกฎหมายความเป็นส่วนตัวที่แข็งแกร่งแห่งประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน และไอซ์แลนด์ จึงทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่าการใช้งานของคุณผ่าน proton vpn จะได้รับความเป็นส่วนตัวมากที่สุด

นโยบายความเป็นส่วนตัว

นโยบายความเป็นส่วนตัว

ทั้ง proton vpn และแอปพลิเคชันอื่นๆภายในบริษัทอย่าง Proton Drive หรือ Proton Mail ล้วนมีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่โปร่งใสและอยู่ภายใต้กฎหมายของประเทศสวิตเซอร์แลนด์อย่างเคร่งครัด อีกทั้งยังได้รับการตรวจสอบและยอมรับจากองค์กรภายนอกอย่าง Securitum ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์โดยเฉพาะการทดสอบการเจาะระบบ โดย Securitum ได้ให้การยืนยันว่า vpn proton มีการใช้นโยบายความเป็นส่วนตัวเดียวกันกับเซิร์ฟเวอร์ในทุกประเทศและภูมิภาค รวมถึงบัญชีที่ใช้งานทั้งหมด ทำให้ผู้ใช้งานทั้ง บัญชี proton vpn ฟรี หรือพรีเมียมสามารถมั่นใจได้ถึงความเป็นส่วนตัวระหว่างการใช้งาน

ใช้งาน proton vpn บนอุปกรณ์ใดได้บ้าง?

ผู้ใช้งานสามารถใช้ proton vpn ได้ผ่านหลากหลายอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็น Windows, Mac, Android, iOS, ChromeOS, หรือ Linux ผ่านการดาวน์โหลด proton vpn จาก proton vpn download อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงผ่าน web extension ของBrowser ชั้นนำอย่าง Chrome และ Firefox ได้ นอกจากนี้มันยังมีแอปสำหรับ Android TV ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการยอดนิยมในอุปกรณ์สตรีมมิ่งชั้นนำในปัจจุบัน

นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถใช้ proton vpn บนอุปกรณ์พร้อมกันได้สูงสุดถึง 10 เครื่อง จากการสมัครสมาชิกแบบพรีเมียม

และเมื่อเร็วๆนี้ทาง proton vpn ได้มีการปรับปรุงอินเทอร์เฟซ ซึ่งช่วยให้แอปมีการตอบสนองและใช้งานได้ง่ายขึ้น โดยต่อไปนี้เราจะมาพูดถึงสิ่งที่ผู้ใช้งานจะได้รับสำหรับการใช้ proton vpn บนอุปกรณ์ต่างๆ:

อุปกรณ์ Windows

proton vpn มีการออกแบบหน้าตาแอปทำให้ดูง่ายต่อการใช้งาน สำหรับผู้ใช้งานบนอุปกรณ์ระบบปฏิบัติการ Windows โดยภายในอินเทอร์เฟซจะประกอบไปด้วยแผนที่ตั้งเซิร์ฟเวอร์ของ proton vpn ในแต่ละประเทศ และมีเมนูควบคุมอยู่ทางด้านซ้าย ซึ่งผู้ใช้งานจะสามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ต่างๆได้ทันทีเพียงแค่คลิกไปที่ปุ่ม “Quick Connect” บนเมนู หรือคลิกไปยังประเทศบนแผนที่

อุปกรณ์ Windows

โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่มีฟีเจอร์เฉพาะได้โดยการเข้าไปยังเมนูในแถบด้านซ้าย และทำการเลือกชนิดของเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการเชื่อมต่อ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ Tor over VPN ให้มองหาสัญลักษณ์รูปหัวหอมถัดจากชื่อเซิร์ฟเวอร์

ทั้งนี้หลังจากทำการเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์สำเร็จ คุณจะพบข้อมูลเกี่ยวกับการเชื่อมต่ออยู่ที่มุมบนซ้าย โดยจะมีข้อมูลทั้ง IP Address ที่กำลังใช้ โปรโตคอล ความเร็ว Upload และดาวน์โหลด รวมถึงข้อมูลการโหลดของ Server

นอกจากนี้ในส่วนตรงกลางของเมนูในแถบซ้าย จะมีฟีเจอร์ขั้นสูงอย่าง Secure Core, Kill Switch, NetShield และ Port Forwarding ให้ผู้ใช้งานเลือกเปิดใช้ โดยการเลือกเปิดฟีเจอร์ Secure Core จะช่วยให้คุณสามารถสร้างการเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ VPN ได้หลายจุดเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว

ในขณะที่การเลือกฟีเจอร์ NetShield จะเป็นการล็อคมัลแวร์ หรือบล็อกโฆษณาติดตามและอื่นๆเท่านั้น ทั้งนี้คุณสามารถเลือกใช้ฟีเจอร์อื่นๆได้ผ่านการคลิกไปยังแถบ Setting

โดยมันจะพาคุณไปยังเมนูสำหรับเลือกใช้งานโปรโตคอลต่างๆ เช่น split tunneling และอื่นๆอีกมากมาย

อุปกรณ์ Mac

ถึงแม้จะมีความคล้ายกับการใช้งานบน Window แต่สำหรับการใช้งาน Mac นั้นยังถือว่า proton vpn มีฟีเจอร์บางอย่างที่ขาดไป ถึงแม้จะยังมีฟีเจอร์อย่าง Secure Core, Kill Switch และ NetShield ให้ได้เลือกใช้งานอยู่บ้าง

อุปกรณ์ Mac

แต่อย่างไรก็ตาม proton vpn ก็ยังถือเป็นผู้ให้บริการ vpn สำหรับอุปกรณ์ Mac ที่ใช้งานง่ายที่สุด จากการมีคู่มือสอนสำหรับผู้เริ่มต้น ที่เหมาะกับมือใหม่ผู้ใช้งานครั้งแรกและเพิ่งเข้าสู่ระบบบัญชีใหม่

อุปกรณ์ Android

proton vpn สำหรับ Android มีฟีเจอร์ที่ครบครันสำหรับการรักษาความปลอดภัยในการเชื่อมต่อ อีกทั้งยังมีอินเทอร์เฟซที่ง่ายต่อการใช้งาน ผ่านการเลือกประเทศที่ต้องการจะใช้เซิร์ฟเวอร์ โดยยังมีฟีเจอร์ Always-On VPN, Split Tunneling และ Kill Switch ให้ได้ใช้งานอย่างครบครัน พร้อมกับคำแนะนำในการเปิดใช้งานทีละขั้นตอน

อุปกรณ์ Android

โดยฟีเจอร์เหล่านี้ถือเป็นเครื่องมือที่เหมาะอย่างมากสำหรับนักเดินทางที่ต้องการเชื่อมต่อกับ WiFi สาธารณะ ที่มีความเสี่ยงต่อการละเมิดความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ใช้งาน นอกจากนี้ proton vpn ในอุปกรณ์ Android ยังสามารถรองรับฟีเจอร์อย่าง NetShield สำหรับการบล็อกโฆษณาและคุกกี้เวลาท่องเว็บ รวมถึงป้องกันไม่ให้อุปกรณ์ Android ของผู้ใช้งานมีการใช้อินเตอร์เน็ตโดยไม่จำเป็น

อุปกรณ์ iOS

proton vpn มีแอปบนระบบปฏิบัติการ iOS ที่มีประสิทธิภาพจากการออกแบบที่ยอดเยี่ยม ถึงแม้จะยังขาดฟีเจอร์อย่าง Split Tunneling ไป แต่ก็ยังมีฟีเจอร์อย่าง Kill Switch, Always-On VPN, NetShield และ VPN accelerator ให้ได้ใช้งาน

อุปกรณ์ iOS

ทั้งนี้จากการออกแบบที่เรียบง่าย ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงการเลือกเซิร์ฟเวอร์ VPN, การตั้งค่า, โปรไฟล์ proton vpn และแผนที่ ได้เพียงแค่คลิกไปยังเมนูด้านล่างของหน้าจอ เพื่อทำการเชื่อมต่อ ยกเลิกการเชื่อมต่อ หรือเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ VPN ได้อย่างง่ายดาย

อุปกรณ์ Linux

เรียกได้ว่า proton vpn เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการ vpn ไม่กี่รายที่มีแอปรองรับระบบปฏิบัติการแบบ Linux แบบเต็มรูปแบบ ซึ่งทำให้มันกลายเป็น 1 ใน vpn ที่ดีที่สุดสำหรับระบบปฏิบัติการ Linux อีกทั้งยังมีแอป proton vpn Linux CLI ที่เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการทำงานผ่าน Terminal หรือต้องการใช้ทรัพยากรภายในอุปกรณ์ให้ได้น้อยที่สุด

อุปกรณ์ Linux

โดยผู้ใช้งานสามารถติดตั้งแอป proton vpn Linux บนระบบปฏิบัติการหลายตัว ไม่ว่าจะเป็น Ubuntu 20+, Debian 10+, Fedora 34+ และ Manjaro proton vpn โดยจะมีคู่มือการติดตั้งอย่างละเอียดสำหรับแต่ละระบบปฏิบัติการ ผ่านการตั้งค่าการเชื่อมต่อกับ OpenVPN

เปรียบเทียบ proton vpn กับผู้ให้บริการ VPN รายอื่น

ถึงแม้ผู้ให้บริการ VPN ในแต่ละแห่งจะมีการปรับปรุงการให้บริการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงดูดลูกค้าผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นท่ามกลางความตระหนักถึงความสำคัญของความปลอดภัยทางไซเบอร์ในปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ให้บริการ VPN แต่ละแห่งก็ยังคงมีจุดแข็งและจุดอ่อนที่แตกต่างกันออกไป ทำให้เหล่าผู้ต้องการใช้งาน VPN จะต้องทำความเข้าใจและเลือกผู้ให้บริการ VPN ที่มีจุดแข็งที่ตรงต่อความต้องการของตนเองมากที่สุด

ทั้งนี้เราจึงได้ทำตารางเปรียบเทียบจุดแข็งและจุดอ่อนของ proton vpn กับผู้ให้บริการ VPN รายอื่น เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังมองหา VPN ที่เหมาะสมกับตนเอง:

แอป VPN ชั้นนำ ความเร็วเฉลี่ย แพ็คเกจที่ถูกที่สุด การเชื่อมต่อพร้อมกัน จำนวนเซิร์ฟเวอร์ ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์
proton vpn 460Mbps $4.99/เดือน 10 2,950+ 68
NordVPN 700 Mbps $3.09/เดือน 10 6,300+ 111+
Surfshark 700 Mbps $2.49/เดือน ไม่จำกัด 3,200+ 100+
ExpressVPN 530 Mbps $6.67/เดือน 5 3,000+ 94
PureVPN 450 Mbps $2.29/เดือน 10 6,500+ 70+

Surfshark เทียบกับ proton vpn

ถึงแม้ผู้ให้บริการ vpn ทั้ง 2 นี้จะมีจุดเด่นด้านความปลอดภัยแล้วความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานเช่นเดียวกัน แต่ vpn proton มีจุดที่เหนือกว่า Surfshark อยู่หนึ่งอย่าง นั่นคือการที่เป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีนโยบายคุ้มครองความเป็นส่วนตัวที่เข้มแข็ง ในขณะที่ Surfshark ตั้งอยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ซึ่งถือว่าอยู่ในกลุ่มสมาชิก Fourteen Eyes ซึ่งอาจมีความน่าเชื่อถือในด้านความเป็นส่วนตัวที่น้อยกว่า

อย่างไรก็ตาม หากมองจากด้านการใช้งาน Surfshark มีจุดเด่นที่เหนือกว่าในด้านการเชื่อมต่อพร้อมกันที่ไม่จำกัดจำนวนอุปกรณ์ ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากกว่าสำหรับการใช้งานแบบกลุ่ม ซึ่งเหมาะสำหรับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน

ExpressVPN เทียบกับ proton vpn

เรียกได้ว่า ExpressVPN เป็นอีกหนึ่งผู้ให้บริการ VPN ชั้นนำที่ได้รับความนิยมในตลาดเทียบเท่ากับ vpn proton ด้วยจุดเด่นด้านความเร็วในการดาวน์โหลดและอัพโหลดที่เร็วกว่าถึง 530 Mbps หากเปรียบเทียบกับ proton vpn ที่มีความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 460Mbps อีกทั้งยังมีจำนวนเซิร์ฟเวอร์ ที่มากกว่า proton vpn อยู่เล็กน้อย

แต่อย่างไรก็ตาม ExpressVPN ยังมีข้อเสียเปรียบในด้านการเชื่อมต่อ ที่สามารถเชื่อมต่อได้พร้อมกันเพียง 5 อุปกรณ์เท่านั้น ในขณะที่ผู้ใช้งาน proton vpn สามารถเชื่อมต่อ VPN เข้ากับอุปกรณ์ได้สูงสุดถึง 10 เครื่องพร้อมกัน อีกทั้งยังไม่รับการป้องกันมัลแวร์และโฆษณา อีกทั้งยังมีราคาแพ็คเกจรายเดือนที่ถูกกว่า ExpressVPN ถึง 2 ดอลลาร์

PureVPN เทียบกับ proton vpn

ในขณะเดียวกัน PureVPN ก็เป็นผู้ให้บริการ VPN ชั้นนำที่อยู่ในระดับเทียบเท่ากับ proton vpn จากการที่มีฟีเจอร์แล้วนโยบายการไม่เก็บบันทึกข้อมูลที่คล้ายกัน แต่ PureVPN มีความเหนือกว่า proton vpn ในด้านจำนวนเซิร์ฟเวอร์และการครอบคลุมประเทศที่มากกว่า รวมถึงราคาแพ็คเกจต่อเดือนที่ถูกกว่า อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ PureVPN มีราคาที่ต่ำกว่าก็เพราะมันไม่มีฟีเจอร์สำคัญอย่าง เซิร์ฟเวอร์แบบหลายจุด (multi-hop) เหมือนกับ proton vpn นั่นเอง

เซิร์ฟเวอร์ของ proton vpn

proton vpn มีเซิร์ฟเวอร์ให้ใช้งานได้ถึง 3,000 แห่ง ใน 68 ประเทศทั่วโลก ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ใกล้เคียงได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ถึงแม้ว่า เซิร์ฟเวอร์ของ proton vpn ส่วนใหญ่จะอยู่ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปเป็นหลัก แต่ด้วยฟีเจอร์พิเศษบางอย่าง ทำให้ผู้ใช้งานในประเทศที่มีการเซ็นเซอร์ทางอินเทอร์เน็ตอย่างหนักอย่าง รัสเซีย เวียดนาม หรือตุรกี จะได้รับการเข้ารหัสข้อมูลอินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัย

เซิร์ฟเวอร์ของ proton vpn

ทั้งนี้สำหรับผู้ใช้แพ็คเกจ proton free vpn จะสามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์และฟีเจอร์ที่ไม่จำกัด แต่จะสามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ของประเทศเหล่านี้ได้เท่านั้น:

  • เนเธอร์แลนด์
  • สหรัฐอเมริกา
  • ญี่ปุ่น

ประเทศของเซิร์ฟเวอร์ในแพ็คเกจพรีเมียม:

  • อาร์เจนตินา
  • ออสเตรเลีย
  • ออสเตรีย
  • เบลเยียม
  • บราซิล
  • บัลแกเรีย
  • กัมพูชา
  • แคนาดา
  • ชิลี
  • โคลอมเบีย
  • คอสตาริกา
  • โครเอเชีย
  • ไซปรัส
  • สาธารณรัฐเช็ก
  • เดนมาร์ก
  • เอกวาดอร์
  • อียิปต์
  • เอสโตเนีย
  • ฟินแลนด์
  • ฝรั่งเศส
  • จอร์เจีย
  • เยอรมนี
  • กรีซ
  • ฮ่องกง
  • ฮังการี
  • ไอซ์แลนด์
  • อินเดีย
  • ไอร์แลนด์
  • อิสราเอล
  • อิตาลี
  • ญี่ปุ่น
  • ลัตเวีย
  • ลิทัวเนีย
  • ลักเซมเบิร์ก
  • มาเลเซีย
  • มอลตา
  • เม็กซิโก
  • มอลโดวา
  • เมียนมาร์
  • เนเธอร์แลนด์
  • นิวซีแลนด์
  • ไนจีเรีย
  • มาซิโดเนียเหนือ
  • นอร์เวย์
  • เปรู
  • ฟิลิปปินส์
  • โปแลนด์
  • โปรตุเกส
  • เปอร์โตริโก
  • โรมาเนีย
  • รัสเซีย
  • เซอร์เบีย
  • สิงคโปร์
  • สโลวาเกีย
  • สโลวีเนีย
  • แอฟริกาใต้
  • เกาหลีใต้
  • สเปน
  • สวีเดน
  • สวิตเซอร์แลนด์
  • ไต้หวัน
  • ไทย
  • ตุรกี
  • ยูเครน
  • สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
  • สหราชอาณาจักร
  • สหรัฐอเมริกา
  • เวียดนาม

proton vpn เชื่อถือได้หรือไม่? รีวิวจากผู้ใช้งานจริง

เนื่องด้วย vpn proton นั้นไม่ได้เปิดให้สามารถทดลองใช้งานแพ็คเกจพรีเมียมได้ ทำให้ผู้สนใจหลายรายไม่ได้มีโอกาสทดลองใช้เพื่อทดสอบฟีเจอร์การใช้งาน รวมถึงความเร็วในการเชื่อมต่อก่อนตัดสินใจสมัคร ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดในการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบริการ proton vpn คือการเข้าไปอ่านบทรีวิวแอปจากผู้ใช้งานจริง

proton vpn เชื่อถือได้หรือไม่

โดยบทวิจารณ์เหล่านี้จะสามารถให้ผู้สนใจได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสบการณ์การใช้งาน proton vpn ของแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการหาข้อมูลการใช้งานบนอุปกรณ์ที่คล้ายกัน ทั้งนี้ เราทำการคัดเลือกรีวิวของผู้ใช้งานจริงหลายรายจากเว็บไซต์รีวิวยอดนิยม และพบว่าผู้ใช้งาน proton vpn ส่วนใหญ่กล่าวชื่นชมฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและความง่ายต่อการใช้งานแพลตฟอร์ม โดยมีรีวิวอื่นๆดังนี้:

รีวิวบน TrustPilot มีบทวิจารณ์บน TrustPilot จำนวนมากที่กล่าวชื่นชมถึงคุณภาพของอินเทอร์เฟซที่ใช้งานได้ง่าย, ความสามารถในการปลดล็อคการจำกัดเนื้อหาที่ยอดเยี่ยม, และความเร็วในการเชื่อมต่อที่เชื่อถือได้ของ proton vpn

ในขณะที่รีวิวใน Capterra ได้มีการให้คะแนน proton vpn อยู่ที่ 4.6 เต็ม 5 พร้อมชื่นชมฟีเจอร์ split tunneling และ kill switch ภายในแพลตฟอร์มว่าเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่น่าเชื่อถือที่สุดในอุตสาหกรรม

และรีวิวจาก GetApp ส่วนมากมักกล่าวไปในทางเดียวกันว่าพวกเขาพึงพอใจกับการใช้งาน proton vpn อย่างมาก โดยเฉพาะการใช้งานฟีเจอร์ NetShield และ Secure Core ที่มักจะไม่พบในผู้ให้บริการ VPN รายอื่น

อย่างไรก็ตาม เรายังคงพบเห็นคำวิจารณ์เชิงลบบางอัน ที่กล่าวถึงการพบปัญหาในส่วนของฝ่ายให้บริการลูกค้า ที่ถึงแม้ว่า proton vpn จะสามารถทำได้ดีในการให้ความช่วยเหลือและตอบคำถามผู้ใช้งาน แต่ยังมีผู้ใช้งานหลายคนรู้สึกว่าการติดต่อกับฝ่ายบริการลูกค้าหลังเวลาทำการตามเวลายุโรปกลาง ผ่านการส่งข้อความในอีเมลนั้นไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เนื่องจากผู้ให้บริการ VPN รายอื่นส่วนมากมักจะมีไลฟ์แชทเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถโต้ตอบกับฝ่ายบริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง

วิธีใช้งาน proton vpn – คู่มือฉบับย่อ

โดยปกติแล้ว proton vpn มักจะใช้เวลาไม่กี่นาทีเท่านั้นในการติดตั้งและเปิดใช้งาน VPN บนทุกอุปกรณ์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับการท่องโลกออนไลน์ ต่อไปนี้จะเป็นการพูดถึงขั้นตอนในการติดตั้ง proton vpn บนอุปกรณ์ Windows เพื่อเป็นตัวอย่าง

  1. ขั้นตอนที่ 1 — ดาวน์โหลด proton vpn สำหรับ Windows ผ่าน proton vpn download

    เข้าไปยังเว็บไซต์ทางการของ proton vpn download และมองหาเมนู ‘Download’ ในแถบด้านบน และคลิกไปยัง ‘VPN for Windows’ เพื่อ ดาวน์โหลด proton vpn ไฟล์และติดตั้ง proton vpn

  2. ขั้นตอนที่ 2 — ติดตั้งแอป proton vpn บน Windows

    หลังจาก ดาวน์โหลด proton vpn ผ่าน proton vpn download เสร็จแล้ว ให้ค้นหาไฟล์ proton vpn.exe และเปิดใช้งาน ให้ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอ เมื่อดำเนินการเสร็จแล้วจะมีแอป proton vpn ขึ้นมาปรากฏในเมนูแอปภายในเครื่อง

  3. ขั้นตอนที่ 3 — เข้าสู่ระบบบัญชี proton vpn ของตนเอง

    จากนั้นให้เข้าสู่ระบบบัญชี proton vpn เพื่อเริ่มใช้บริการ ทั้งนี้หากคุณยังไม่ได้เป็นสมาชิกของ proton vpn สามารถเข้าไปยังเว็บไซต์ทางการเพื่อสร้างบัญชีใช้งาน proton vpn free จากการคลิกไปยังปุ่ม ‘Sign up for free’ ที่อยู่ด้านมุมขวาของ Tab แผนการใช้งาน หรือจะสมัครแพ็คเกจพรีเมียมเพื่อให้สามารถเข้าถึงได้ทุกฟีเจอร์

  4. ขั้นตอนที่ 4 — เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN

    คุณเข้าสู่ระบบได้แล้ว proton vpn จะมีสื่อการสอนเล็กน้อยเพื่อให้คุณสามารถทำความคุ้นเคยกับการใช้งาน proton vpn บนระบบปฏิบัติการ Windows ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้คุณสามารถกดข้ามไปได้หากมีความชำนาญในการใช้งาน VPN อยู่แล้ว โดยหลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนนี้ไป คุณก็จะสามารถใช้งาน VPN เพื่อเข้ารหัสการรับส่งข้อมูลอินเตอร์เน็ตและเพิ่มความเป็นส่วนตัวและนิรนามได้ทันที โดยคุณสามารถเลือกที่จะเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของประเทศต่างๆได้ผ่านการคลิกไปยังแผนที่ ‘Quick Connect’ สำหรับผู้ที่ไม่จำเป็นต้องเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่จะเชื่อมต่อ

    ทั้งนี้การติดตั้ง proton vpn บนอุปกรณ์อื่นก็จะมีกระบวนการที่คล้ายเคียงกัน โดยคุณสามารถดาวน์โหลดแอปได้ผ่านทาง Google Play Store และ App Store สำหรับอุปกรณ์ Android และ iOS ในขณะที่การติดตั้งแอปบนอุปกรณ์ Mac จะสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ทางการที่จะอยู่ถัดไปจากการเลือกดาวน์โหลดลงอุปกรณ์ Windows

    นอกจากนี้สำหรับผู้ใช้อุปกรณ์ในระบบปฏิบัติการ Linux ทั้งนี้แพลตฟอร์มจะมีคู่มือการ ดาวน์โหลด proton vpn และติดตั้งเฉพาะสำหรับแต่ละ distro ที่รองรับแอป proton vpn Linux รวมถึงคู่มือสำหรับ ดาวน์โหลด proton vpn และติดตั้งอุปกรณ์อื่นๆบนแพลตฟอร์ม Support Center ภายใน proton vpn download ของเว็บไซต์

วิธีที่เราใช้ตรวจสอบ proton vpn

สำหรับข้อมูลที่เรามาใช้ในการเขียนบทความนี้ เป็นข้อมูล In-house ที่ทางเราได้ทำการทดสอบด้วยตนเองภายในองค์กร โดยเราได้พิจารณาปัจจัยอย่างเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ ประสิทธิภาพ ความเสถียร และความเร็วของการเชื่อมต่อ รวมถึงฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยเพิ่มเติมต่างๆ เพื่อให้ได้คำแนะนำที่ละเอียดและน่าเชื่อถือเกี่ยวกับการใช้งาน proton vpn

นอกจากนี้เรายังได้ทำการตรวจสอบในส่วนของแพ็คเกจแพลตฟอร์ม การรับประกัน ด้านการบริการลูกค้า รวมถึงฟีเจอร์ของแพ็คเกจ proton vpn free เพื่อส่งมอบข้อมูลที่ครอบคลุมให้กับผู้ที่สนใจที่จะใช้งาน

เนื่องด้วยทางเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือ ทำให้บทความนี้เป็นอีก 1 บทความที่มีข้อมูลเชิงลึกอย่างครบถ้วน รวมถึงบทเปรียบเทียบ proton vpn กับผู้ให้บริการ VPN รายอื่นเพื่อเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจ เราได้เน้นถึงความสำคัญของความเห็นจากผู้ใช้งานจริง ผ่านการสำรวจจากเว็บไซต์เพื่อสรุปข้อดีและข้อเสียของบริการ ส่งข้อมูลที่ถูกต้องให้กับผู้อ่าน

ทั้งนี้เราต้องการมอบข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำที่สุด เพื่อให้ผู้อ่านหรือผู้ที่กำลังสนใจเลือกใช้ผู้ให้บริการ VPN ในประเทศไทยได้รับมุมมองที่ลึกซึ้งและเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ สำหรับใช้ในการประกอบการตัดสินใจของตนเอง

คำถามที่พบบ่อย

proton vpn ดีไหม? น่าเชื่อถือมากแค่ไหน?

เราสามารถใช้งาน proton vpn ฟรี ได้ไหม?

proton vpn ฟรี สามารถเชื่อมต่อประเทศใดได้บ้าง?

proton vpn มีการติดตามข้อมูลผู้ใช้งานหรือไม่?

proton vpn สามารถใช้งานกับ Netflix ได้หรือไม่?

Akhradet Mornthong
Editor

นักเขียนคอนเทนต์สายการลงทุนและเทคโนโลยี ผู้มีประสบการณ์ในวงการเกมมากว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญในด้าน NFT Games, Metaverse, AI และ Cryptocurrency ที่กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบการเงินโลก ด้วยความสนใจและความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ เขาได้ตัดสินใจก้าวเข้าสู่วงการคริปโตอย่างจริงจัง โดยมุ่งมั่นที่จะทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและเผยแพร่ข้อมูล เกี่ยวกับเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Blockchain และ Crypto ในรูปแบบที่ย่อยได้ง่าย